กรรมหนักบนบ่าของผู้ดูแลเว็บบอร์ดศาสนา
กรรมหนักบนบ่าของผู้ดูแลเว็บบอร์ดศาสนา
(20 มิถุนายน 2553)
ดูเหมือนกรณีของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช กำลังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในเว็บบอร์ดศาสนาหลายๆแห่ง เนื่องจากหาข้อสรุปไม่ได้ทั้งทางด้านปัญหาคำสอนและหลักฐานเกี่ยวกับการผิดศีลที่กำลังมีผู้พบและนำเสนอชัดเจนขึ้นตามลำดับ
เมื่อมีการถกเถียงกัน ผู้ที่รับภาระหนักและน่าเห็นใจมากที่สุดเห็นทีจะไม่พ้น ผู้ดูแลเว็บบอร์ดต่างๆ
หลายๆแห่งเห็นความไม่ชอบมาพากล ตัดสินใจประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับกรณีพระปราโมทย์ โดยประกาศลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านบวกหรือลบ
ในขณะเดียวกัน บางแห่งเลือกใช้ศรัทธาส่วนตัวที่มีต่อพระปราโมทย์เป็นตัวนำ พยายามปิดบังข่าวสาร ด้วยการกีดกัน ปิดกระทู้ ลบกระทู้ ฯลฯ และทำโทษผู้นำเสนอข้อมูลชี้แจงความผิดของพระปราโมทย์ ด้วยการภาคฑัณฑ์ หรือบางแห่งใช้วิธียึดล็อคอินของผู้โพสต์ ด้วยการออกกฏอ้างความสงบสุข หรืออ้างว่า เพื่อไม่ให้อาศัยเว็บบอร์ดเป็นสื่อกลางในการโจมตีพระสงฆ์ที่ตนเองและกลุ่มเชื่อว่าเป็นพระอริยะ
เรียกได้ว่า ทำการปราบปรามอย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้มีผู้พูดหรือวางหลักฐานแสดงความผิดทั้งทางด้านศีล ธรรม และวินัยของพระปราโมทย์ให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้ โดยจะส่งเสริมให้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพระปราโมทย์ในด้านบวกเพียงด้านเดียวเท่านั้น
และบางแห่ง ก้าวล้ำไปถึงขั้นกีดกันไม่ให้มีการโพสต์ธรรมะของครูบาอาจารย์ที่มีนัยแสดงให้เห็นจุดผิดในคำสอนของพระปราโมทย์ แม้กระทั่ง ธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เอง !
ซึ่งข้ออ้างประกอบการกระทำเหล่านี้ หากดูโดยเผินๆก็เหมือนเป็นวิธีการที่ดีและส่งเสริมให้เกิดความสงบเรียบร้อย แต่มีท่านใดเคยคิดไหมว่า อาจมีผลสะท้อนที่ร้ายแรงกลับมาในแง่มุมที่อาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน
สำหรับกรณีพระปราโมทย์ นับวันดูเหมือนจะมีครูบาอาจารย์พระป่าที่ออกมายืนยันจุดผิดทางธรรมมากขึ้นทีละองค์ และเมตตาเตือนในลักษณะเดียวกันหมดว่า กรรมฐาน "ลัดสั้น" ที่พระปราโมทย์สอน เป็นกรรมฐานที่ผิด เป็นการตามดูเงาของจิต ทำให้ลดความปรุงแต่งลงได้จริง แต่ไม่มีทางตัดกิเลส หรือบรรลุอริยมรรคไม่ว่าขั้นใดได้ เหมือนที่พระปราโมทย์อ้างไว้กับญาติโยม
แม้แต่ครูบาอาจารย์พระปฏิบัติบางองค์ซึ่งพระปราโมทย์เคยนำมาแอบอ้างว่า "เห็นด้วยกับการสอนของตน" ก็ได้เมตตาออกมาปฏิเสธ และชี้ชัดว่า กรรมฐานลัดสั้นดังกล่าว ใช้ไม่ได้จริง และเป็นการปิดกั้นมรรคผลนิพพานของผู้ปฏิบัติ
และที่สำคัญคือ ในทางด้านศีล มีหลักฐานยืนยันการละเมิดศีลข้อมุสาวาทที่เด่นชัดของพระปราโมทย์ปรากฏมากขึ้นทุกที และหลายๆหลักฐาน มีความสมบูรณ์อยู่ในตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยพยานบุคคลมายืนยัน เช่น การกลับคำในคำชี้แจงของสวนสันติธรรมหลายอย่างซึ่งพระปราโมทย์ประกาศเอง และมีเนื้อความตรงกันข้ามกับที่ตนเองเคยพูดไว้ โดยมีหลักฐานอยู่ทั้งในรูปข้อเขียนและ CD
และล่าสุด คือหลักฐานการเทศน์หลอกลวงญาติโยมเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งผู้มีสามัญสำนึกคงเข้าใจได้อะไรเป็นอะไรไปได้โดยไม่ยาก
การผิดศีล 5 โดยเจตนาเพื่อประโยชน์ส่วนตน เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่า พระปราโมทย์ไม่ใช่พระอริยะสงฆ์ดังที่กล่าวอ้าง (เหตุผลนี้ไม่สามารถอธิบายหลบหลีกได้ด้วย การแอบอ้างครูบาอาจารย์ใดๆมารับรอง หรืออาศัยทฤษฎีจิตแยกกับขันธ์ที่สวนสันติธรรมนิยมนำมาอ้าง เนื่องจากการมุสาเป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัย การคิดคำนวณและวางแผนด้วยความจงใจ - จิตที่ไม่สะอาดย่อมคิด และพอใจในการกระทำการที่ไม่สะอาด)
และถ้าพิจารณาดูดีๆ จะเห็นว่า การผิดศีลข้อมุสาวาท ยังบ่งชี้ต่อไปถึงว่า กรรมฐานลัดสั้นของพระปราโมทย์เป็นธรรมที่ใช้ไม่ได้จริงตามที่ครูบาอาจารย์พระป่าท่านเมตตาเตือน เนื่องจากไม่ได้ให้อริยะผลขั้นใดๆเลยต่อพระปราโมทย์ และเมื่อแพร่ไปที่ใด ก็ปิดโอกาสที่ผู้รับจะได้ผลประโยชน์สูงสุดเสีย และหากมีการเผยแผ่ไปในวงกว้าง ก็สามารถถือได้ว่า เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาด้วยสัทธรรมปฏิรูปโดยตรง
ดังนั้นเมื่อเรามองกลับมา ปัญหานี้ดูเหมือนจะตกหนักอยู่บนบ่าผู้ดูแลเว็บบอร์ดศาสนาทั้งหลาย ซึ่งมีสถานะไม่ต่างอะไรกับสื่อกลายๆ ที่มีผู้คนจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสนคน อาศัยถกหาความรู้หรือข้อเท็จจริงอยู่เป็นประจำเลย
เมื่อหลักฐานแสดงความขาดจากศีล 5 มีปรากฏอย่างชัดเจน ผู้เขียนจึงอยากสะกิดใจผู้ดูแลเว็บบอร์ดทั้งหลาย ขอความกรุณาใส่ใจพิจารณาสิ่งนี้ให้จงหนัก
เพราะหากหลักฐานการผิดศีลของพระปราโมทย์ ซึ่งขณะนี้เด่นชัดมากในสายตาบุคคลทั่วไปเป็นจริงชัดๆแม้แต่ข้อเดียว ย่อมหมายถึง พระปราโมทย์เป็นพระอลัชชีที่อ้างความเป็นอริยะเพื่อหลอกลวงชาวพุทธมาตลอด
นโยบายสันติและอิงความเชื่อเฉพาะกลุ่ม โดยเกรงว่าบาปภัยจะเกิดขึ้นกับตนเอง หากปล่อยให้มีใครมาโจมตีครูบาอาจารย์ที่ตนเองเคารพ กลับจะเกิดผลตรงกันข้ามกับที่หวังไว้ทุกประการ
และผู้ที่รับหน้าที่ในการปิดกั้นความจริง และส่งเสริมคำสอนรวมถึงความนิยมในตัวพระปราโมทย์ ย่อมกำลังทำในสิ่งต่อไปนี้โดยไม่รู้ตัว
1) ปกปิดความจริง และช่วยหลอกลวงคนเรือนหมื่นเรือนแสนไว้ในความมืดบอด
2) ปิดกั้นไม่ให้ญาติโยมรู้จักธรรมแท้ และช่วยเผยแผ่ธรรมหลอกลวง
3) ส่งเสริมให้มีคนมีอคติและปรามาสต่อพระอริยะสงฆ์จำนวนหลายองค์ที่เมตตาออกมาเตือนชาวพุทธ
4) ส่งเสริมพระอลัชชีผู้อาศัยแฝงตัวอยู่ในผ้าเหลือง และทำลายพุทธศาสนาด้วยกรรมฐานดัดแปลง
5) ปิดกั้นมรรคผลนิพพานของทั้งตนเองและผู้ใฝ่ธรรมจำนวนมาก
ซึ่งเทียบแล้ว จะเป็นการตัดสินใจที่ให้ผลเลวร้ายกว่า การตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับกรณีนี้ทั้งทางด้านบวกและลบ หรือปล่อยให้มีการถกเถียงอย่างมีหลักการ แสดงหลักฐานทั้งทางโลกทางธรรมแย้งกันจนเกิดข้อสรุป ซึ่งสุดท้ายแล้ว ผลกรรมจากการทำถูกผิด ก็จะเป็นผลต่อคู่กรณีที่ทุ่มเถียงนั้นเอง
ผู้เขียนมีความเห็นใจเป็นอย่างยิ่งและเข้าใจว่า ก็เป็นการยากอย่างยิ่งที่ผู้ดูแลระบบจะสามารถทำงานได้ตามอำเภอใจ บางท่านถูกกดดันจากหมู่คณะ บางท่านถูกกดดันจากพระปราโมทย์หรือผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับความจริงและมุ่งรักษาสถานะทางสังคมมากกว่าความถูกต้อง
และบางบุคคลที่ใกล้ชิดพระปราโมทย์ แต่วางตนอยู่ในฐานะอริยะบุคคลอิสระ อ้างศีล อ้างธรรม อ้างพุทธพจน์ แท้จริงก็เป็นที่ทราบกันอยู่ในวงกรรมฐานว่า เป็นปุถุชนผู้อาศัยศาสนาเป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพและเรียกสักการะ มีผลประโยชน์ทางอ้อมเกี่ยวเนื่องในเบื้องลึก จึงจำเป็นต้องชี้นำให้ผู้ติดตาม ให้คงความเชื่อถือพระปราโมทย์ เพื่อรักษาศรัทธา และผลประโยชน์ทางการค้าของตนเอง
ผู้เขียนจึงอยากสะกิดใจให้ผู้ที่รับหน้าที่ดูแลเว็บบอร์ดสาธารณะ ได้ใช้สติปัญญาของตนเองเป็นหลัก ศึกษากรณีดังกล่าวอย่างถ่องแท้ด้วยตนเอง หลีกเลี่ยงการเชื่อหรือฟังตามความเชื่อของกลุ่ม
ขออย่าได้เชื่อเรื่องญาณทัศนะ หรือเรื่องนอกเหตุเหนือผล ที่บางบุคคลในกลุ่มซึ่งอาจมีประโยชน์แอบแฝง ชอบนำมาอ้างให้เชื่อตาม มากไปกว่าหลักฐานชัดเจนที่มีอยู่ตรงหน้า และพิจารณาได้โดยสติปัญญาและสามัญสำนึกของท่านเอง เพราะผลกระทบจากกรณีนี้ จะเป็นอันตรายต่อตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง และในที่สุด ท่านต้องเป็นผู้รับผลกรรมจากการกระทำหน้าที่ดังกล่าวด้วยตนเอง
ขอได้โปรดใช้โยนิโสมนสิการต่อกรณีดังกล่าว เพราะท่านอาจเป็นผู้ "พายเรือให้โจรนั่ง" เป็นผู้ส่งเสริมบุคคลและคำสอนที่เป็นภัยร้ายแรงต่อพระพุทธศาสนาที่ท่านหวงแหนอยู่โดยไม่รู้ตัว และหากไม่แน่ใจ การพิจารณาพักการทำหน้าที่ดังกล่าว อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นประโยชน์ของตัวท่านเองมากที่สุดก็ได้