บางส่วนจากหนังสือ หน้า 11
อ่านทั้งหมดได้ที่
สมาธิเป็นกำลังสำคัญมาก ถ้าไม่มีสมาธิแล้ววิปัสสนาจะเอากำลังมาจากไหน ปัญญาวิปัสสนามิใช่เป็นของจะพึงแต่งเอาได้เมื่อไร แต่เกิดจากสมาธิที่หัดได้ชำ นิชำนาญมั่นคงดีแล้วต่างหาก
ถึงผู้ได้สุกขวิปัสสกก็เถิด ถ้าไม่สมถะแล้วจะเอาวิปัสสนามาจากไหน เป็นแต่สมถะของท่านไม่คล่องเท่านั้น
อย่างนี้พอฟังได้
ผู้ปฏิบัติทั้งหลาย เมื่อได้ทำ สมาธิให้มั่นคงแน่นหนาดีแล้ว จนกระทั่งจะเข้าจะออกก็ได้ จะอยู่ให้นานๆและพิจารณากายอันนี้ให้เป็นอสุภะหรือเป็นธาตุก็ได้ พิจารณาคนในโลกนี้ทั้งหมดให้เป็นโครงกระดูกทั้งหมดก็ได้หรือพิจารณาให้เห็นในโลกนี้ทั้งหมดว่างเป็นอัชฌัตตากาศว่างเปล่าไปหมดก็ได้ ฯลฯ
จิตผู้มีอสุภะเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ย่อมเป็นสมาธิอยู่ตลอดเวลา แล้วก็มองเห็นกิเลสของตน ซึ่งเกิดจากจิตของตนได้ชัดเจนว่า กิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มัน เกิด จากสิ่งนี้ๆ และมัน ตั้งอยู่ ได้ด้วยอาการอย่างนี้ๆ แล้วหาอุบาย ละ ด้วยอย่างนี้ๆเหมือนกับนํ้าในสระที่ขุ่นมาเป็นร้อยๆ ปี เพิ่งมาใสสะอาดมองเห็นสิ่งสารพัดที่มีอยู่ก้นสระว่า แต่ก่อนแต่ไรเราไม่นึกไม่คิดเลยว่า ในก้นสระมันจะมีของเหล่านี้ นั้นเรียกว่า วิปัสสนา คือ ความรู้ความเห็นตามสภาพจริง
มันเป็นจริงอย่างไรก็เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น ไม่วิปริตผิดแปลกจากความเป็นจริงของมัน