Forward email เรื่องไสยศาสตร์แบบที่ 2
Forward email ในแบบที่ 2 นี้ มีเนื้อความค่อนข้างย่อและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแบบที่ 1 คือมุ่งให้เกิดความกลัว ไม่กล้าสอบถามความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับพระปราโมทย์
คำว่า ทองแท้ไม่กลัวไฟ คนพูดความจริงไม่กลัวการพิสูจน์ ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้แม้แต่น้อยกับกรณีพระปราโมทย์ ซึ่งพยายามทำทุกอย่าง ทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิื่อสื่อกับญาติโยมในทำนองว่า "ให้เชื่อหลวงพ่อเถิด ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้" "อย่าได้ไปฟังใคร หรือตรวจสอบหลวงพ่อที่ใดเลย" "ไม่ว่าใครมาพูดเรื่องหลวงพ่อ จงอย่าไปเชื่อถือ หรือรับฟังเขาเด็ดขาดนะ" "ผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับหลวงพ่อ ไม่ว่าใคร ก็มีแต่คนไม่ดี เชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้น ไม่มีใครดีเลย" และบางครั้งถึงขนาดมีใจความแฝงไม่ต่างจากคำว่า "ระวังนะ หากโยมไม่เชื่อ โยมอาจจะมีอันเป็นไปนะ โยมจะบาปมาก โยมอาจจะต้องหมดอนาคต ไม่มีทางบรรลุ ไม่ต้องไปหวังภาวนาอีก" ฯลฯ
และเหตุที่พระปราโมทย์ต้องหลบหลีกจากการสอบทาน พิสูจน์ ถกเถียง ไม่ว่าจะเป็นในทางโลกหรือในทางธรรม ไม่ใช่เกิดมาจากการ "วางเฉย" ต่อโลกธรรม 8 แต่เป็นเพราะ ไม่สามารถทนต่อการพิสูจน์ความจริงได้
(พระปราโมทย์ "วางเฉย" หรือ "ไม่ตอบโต้" มากเพียงใดนั้น จากการสังเกตจะเห็นว่า ความจริงเป็นไปในทางตรงกันข้าม พระปราโมทย์ไม่เพียงไม่วางเฉย แต่พยายามอย่างยิ่งจนผิดวิสัยที่ไม่เพียงแต่อยู่ในเพศสมณะ หากแต่ผู้เป็นกัลยาณชน ยังไม่ทำกัน ในการแก้ข้อกล่าวหาทุกอย่างทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเทคนิค "ป้ายร้าย" เพื่อให้คนเกิดอคติ ดูถูก และหวาดระแวง จะได้ไม่ไปฟัง ไม่ไปถาม ไม่ให้ความเชื่อถือ และไม่พิจารณาข้อมูลอีกด้านเลย)
(พระปราโมทย์ "วางเฉย" หรือ "ไม่ตอบโต้" มากเพียงใดนั้น จากการสังเกตจะเห็นว่า ความจริงเป็นไปในทางตรงกันข้าม พระปราโมทย์ไม่เพียงไม่วางเฉย แต่พยายามอย่างยิ่งจนผิดวิสัยที่ไม่เพียงแต่อยู่ในเพศสมณะ หากแต่ผู้เป็นกัลยาณชน ยังไม่ทำกัน ในการแก้ข้อกล่าวหาทุกอย่างทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเทคนิค "ป้ายร้าย" เพื่อให้คนเกิดอคติ ดูถูก และหวาดระแวง จะได้ไม่ไปฟัง ไม่ไปถาม ไม่ให้ความเชื่อถือ และไม่พิจารณาข้อมูลอีกด้านเลย)
สิ่งที่คาดว่าพระปราโมทย์จะพยายามทำต่อไปในอนาคตก็คือ การพยายามวิ่งหนีจากการพิสูจน์ สอบทาน โดยหาข้ออ้างต่างๆนาๆมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ อาจพยายามหาบุคคลหรือสิ่งของมาเพื่อรับรองตน รอเวลาให้เรื่องเงียบลงเอง ฯลฯ หรืออื่นๆ อีกมากมาย เพื่อจุดประสงค์เดียวคือ "พยายามยุติการตรวจสอบ โดยไม่ต้องถูกตรวจสอบจริง" ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่ ผู้เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองในพระพุทธศาสนาคนก่อนๆได้เคยพยายามกระทำมาแล้ว