คำชี้แจงของสวนสันติธรรมฉบับที่ ๒


คำชี้แจงของสวนสันติธรรมฉบับที่ ๒

เรื่องกลุ่มผู้มุ่งทำลายหลวงพ่อปราโมทย์

          หลวงพ่อปราโมทย์ได้พยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจเผยแผ่ธรรมะ จนปรากฏผลว่ามีผู้คนจำนวนมากซึ่งไม่เคยสนใจพระพุทธศาสนา ได้หันมาสนใจและได้รับประโยชน์จากพระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง ก่อให้เกิดศรัทธาแน่นแฟ้นในพระพุทธศาสนา และเกิดกระแสความตื่นตัวทางธรรมอย่างขนานใหญ่

          ท่ามกลางปรากฏการณ์เช่นนั้น ได้มีครูบาอาจารย์หลายรูปและผู้หวังดีจำนวนมาก คอยเตือนภัยให้หลวงพ่อปราโมทย์ทราบอยู่เสมอ ว่าให้ระวังกลุ่มที่มุ่งทำลายพระผู้ทำงานรับใช้พระศาสนา ซึ่งมีอยู่หลายจำพวก เช่น (๑) กลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนา (๒) กลุ่มที่เกิดความอิจฉาริษยาและต้องการแย่งชิงศรัทธาจากสาธุชน (๓) กลุ่มที่มีแนวความคิด ความเชื่อ และแนวทางปฏิบัติแตกต่างกัน (๔) กลุ่มที่ต้องการเข้ามาแอบอิงแสวงประโยชน์ หากไม่ได้ประโยชน์ที่ต้องการก็จะเกิดความคับแค้นและหาทางทำลายล้างด้วยความพยาบาท และ (๕) กลุ่มที่ต้องการสร้างชื่อเสียงตามกระแสสังคม คือหากพระรูปใดมีชื่อเสียงก็เข้าไปแอบอิง และหากพระรูปนั้นเกิดถูกใส่ร้ายโจมตีมากๆ ในระยะหลัง ก็จะเข้าร่วมโจมตีซ้ำเติมด้วยเพื่อความเป็นวีรบุรุษ เป็นต้น

          ทั้งนี้ครูบาอาจารย์และผู้หวังดีได้เตือนให้ระวังวิธีทำลายพระซึ่งมีอยู่หลายอย่าง นับตั้งแต่การวางยาพิษ การใส่ร้ายเรื่องผู้หญิง และการใส่ร้ายเรื่องเงิน เป็นต้น

          ภายหลังที่เกิดข่าวโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์มาเป็นระยะ ได้เกิดการรวมตัวเป็นขบวนการณ์ทำลายหลวงพ่อปราโมทย์โดยบุคคลหลายกลุ่ม และมีการกำหนดแผนงานประสานกันอย่างเป็นขั้นตอนมานานนับปี โดยแต่ละกลุ่มอาจมีความต้องการเบื้องหลังที่แตกต่างกัน แต่มีกิจกรรมที่ดำเนินการร่วมกันคือการโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งปัจจุบันสามารถจำแนกกลุ่มเหล่านี้ได้ดังนี้คือ (๑) “กลุ่มที่เข้าใจผิดว่าหลวงพ่อปราโมทย์บิดเบือนคำสอนของครูบาอาจารย์” เป็นกลุ่มแรกที่ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์ทาง internet แต่เป็นการกล่าวโจมตีที่ค่อนข้างไม่สุภาพ และหยิบยกคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์มาวิจารณ์อย่างไม่ประติดประต่อ (๒) กลุ่มสานุศิษย์ของพระผู้ใหญ่ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ (๓) กลุ่มอาฆาตแค้นเป็นการส่วนตัว และ (๔) กลุ่มเล่นตามสถานการณ์

          ทั้งนี้ยังไม่พบว่ามีคนต่างศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำลายหลวงพ่อปราโมทย์

หมายเหตุ ประกาศเมื่อวันที่ ๑๘ ม.ค. ๒๕๕๓
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 20, 2010, 10:49:46 pm โดย สุรวัฒน์ »



คำชี้แจงของสวนสันติธรรมฉบับที่ ๑


เรื่องการสร้างสถานการณ์ที่ศาลากาญจนาภิเษก

          เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๓ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มีกำหนดการจะไปแสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน) ถนนแจ้งวัฒนะ ในระหว่างที่หลวงพ่อปราโมทย์กำลังเดินทางเพื่อไปแสดงธรรมนั้น คณะศิษย์ได้ติดต่อแจ้งขอให้ระงับการเดินทาง เนื่องจากมีข่าวว่ามีการเตรียมสร้างสถานกาณ์ในทำนองจะจับกุมหลวงพ่อปราโมทย์ในคดีอาญา โดย “กลุ่มผู้มุ่งทำลายหลวงพ่อปราโมทย์” ได้วางแผนไว้อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การปล่อยข่าวบิดเบือน เพื่อทำลายชื่อเสียงและทำลายศรัทธาของสานุศิษย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการสร้างสถานการณ์การจับกุมที่ศาลาลุงชินท่ามกลางญาติโยมกว่าพันคน (เพื่อให้เกิดภาพทางสังคมว่ามีการจับพระอลัชชี เมื่อสังคมคล้อยตามแล้วการทำลายหลวงพ่อปราโมทย์ก็จะทำได้ง่ายขึ้น และแม้ในภายหลังหากหลวงพ่อปราโมทย์เกิดชนะคดีขึ้นมา ก็ไม่เป็นข่าวเหมือนเมื่อมีการจับกุมในที่สาธารณะ) หรืออาจมีการดำเนินการอื่นเพื่อบีบบังคับให้หลวงพ่อปราโมทย์ลาสิกขา(สึก) เป็นต้น

          หลวงพ่อปราโมทย์จึงเดินทางกลับสวนสันติธรรม (เพราะหากมีการจับกุมในที่สาธารณะ อาจมีผู้ฉวยโอกาสก่อความรุนแรงขึ้น โดยอ้างว่าสานุศิษย์ของหลวงพ่อขัดขืนเจ้าพนักงาน) และรออยู่จนค่ำก็ไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด

          ในความเป็นจริงแล้ว หากมีผู้แจ้งความกล่าวโทษผู้หนึ่งผู้ใดในคดีอาญา และไม่ใช่การกระทำผิดซึ่งหน้า ก็ชอบที่เจ้าพนักงานจะมีหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาไปพบ ไม่จำเป็นต้องจับกุมในที่สาธารณะ อันแสดงถึงเจตนาในการสร้างข่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของบุคคล ยิ่งกว่าการกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีตามครรลองของกฎหมาย


หมายเหตุ ประกาศเมื่อวันที่ ๑๘ ม.ค. ๒๕๕๓
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 20, 2010, 10:49:28 pm โดย สุรวัฒน์ »


แถลงการณ์ของสวนสันติธรรม2


เรื่องปณิธานของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
และการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานของสวนสันติธรรม

         ด้วยหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ได้บรรพชาอุปสมบท โดยมีปณิธานที่จะทำประโยชน์ ของตนในด้านจิตตภาวนาและปัญญาภาวนา รวมทั้งช่วยปลูกฝังศรัทธาและความเข้าใจเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาให้กับเพื่อนชาวพุทธเท่าที่พอจะทำได้ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมที่เร่าร้อน ได้อย่างสงบสุขตามสมควรแก่อัตภาพ และเป็นบาทฐานเพื่อการเจริญศีล สมาธิและปัญญา อันยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมานับว่าประสบความสำเร็จที่น่าพอใจแล้ว เพราะเพื่อนชาวพุทธจำนวนมากทั่วโลก ได้บังเกิดความตื่นตัวในการศึกษาปฏิบัติธรรม และเห็นผลความ เปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชีวิตอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง พระธรรมเพื่อความพ้นทุกข์มีจริง และพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้ามีจริง

          อย่างไรก็ตาม การที่ผู้คนจำนวนมากสนใจการปฏิบัติตามแนวทางที่หลวงพ่อปราโมทย์สอน ได้ก่อผลกระทบโดยไม่เจตนาต่อบุคคลบางคนบางกลุ่ม จนมีการปลุกกระแสต่อต้านหลวงพ่อปราโมทย์แม้ด้วยวิธีการที่ผิดศีลผิดธรรม ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์และสวนสันติธรรมได้พยายามอยู่ในความสงบตลอดมา เนื่องจากเกรงว่าความขัดแย้งจะบานปลายเป็นการแยกพวกของชาวพุทธ แต่นับวันกระแสความรุนแรงยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ในแวดวงของชาวพุทธ

          หลวงพ่อปราโมทย์ไม่ได้ประกาศธรรมเพราะหวังชื่อเสียงหรือลาภสักการะ และไม่ได้เห็นว่าตนเองสำคัญไปกว่าความสงบร่มเย็นในแวดวงของชาวพุทธ ดังนั้นเพื่อลดความขัดแย้งต่างๆ ลง หลวงพ่อปราโมทย์และสวนสันติธรรมจะลดการเผยแผ่ในวงกว้างลงเท่าที่จะทำได้ เช่น (๑) การยุติการผลิต CD แผ่นใหม่ (๒) การยกเลิกการเผยแผ่ธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ทางเวปวิมุตติ และ (๓) การเจรจาเพื่อขอยกเลิกการนิมนต์แสดงธรรมนอกสถานที่ซึ่งได้รับไว้แล้ว ให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าภาพจะยอมรับได้ เป็นต้น ส่วนกรณีที่บุคคลอื่นหรือเวปไซท์อื่นจะนำหนังสือหรือ CD ที่เผยแพร่ไว้แล้วทางเวปวิมุตติไปใช้ประโยชน์ที่ไม่ใช่การพาณิชย์ เป็นสิ่งที่สวนสันติธรรมไม่สามารถจะเข้าไปห้ามได้ เพราะธรรมะเป็นของกลาง ไม่ใช่ของผู้หนึ่งผู้ใดที่จะกีดกันหวงห้ามได้

          สวนสันติธรรมขอยืนยันว่า ไม่ได้หวั่นเกรงต่อการใส่ร้ายที่ไม่เป็นธรรมทั้งหลาย เพราะการดำเนินงานที่ผ่านมาได้กระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมีพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์ความจริงได้เสมอ ทั้งขอยืนยันว่าหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช เป็นศิษย์ที่ได้ศึกษาธรรมโดยตรงจากหลวงปู่ดูลย์ อตุโล โดยมีพระมหาเถระเช่นท่านพระราชวรคุณ เจ้าอาวาสวัดบูรพารามและเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์(ธ) ผู้เป็นทั้งหลานและศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่มากที่สุด (ท่านจึงสามารถเรียบเรียงคำสอนของหลวงปู่ออกมาเป็นหนังสือ “หลวงปู่ฝากไว้” ได้น่าอ่านอย่างยิ่ง) และมีศิษย์ร่วมสำนักเป็นพยานรู้เห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งยังได้รับการยอมรับจากพระมหาเถระผู้แตกฉานรอบรู้ในคำสอนของ หลวงปู่ดูลย์ว่า หลวงพ่อปราโมทย์เป็นผู้ประกาศเกียรติคุณและคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ให้กว้างขวางเป็นประโยชน์แก่มหาชนจำนวนมาก นอกจากนี้หลวงพ่อปราโมทย์ยังได้ศึกษาธรรมะเพิ่มเติมจากพ่อแม่ครูอาจารย์อีกหลายรูป ซึ่งก็มีพยานรู้เห็นทั้งพระและฆราวาสเช่นกัน ข้อเท็จจริงเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ไม่รู้ไม่เห็นด้วยตนเองจะชี้ขาดปฏิเสธได้ตามความพอใจ

          สวนสันติธรรมไม่กล่าวร้ายล่วงเกินท่านผู้หนึ่งผู้ใด แต่ขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฏหมายในกรณีที่จำเป็นต่อไป 

หมายเหตุ ประกาศเมื่อวันที่ ๑๗ ม.ค. ๒๕๕๓



แถลงการณ์ของสวนสันติธรรม

ข้อความนี้เคยอยู่ในเว็บของสวนสันติธรรม ซึ่งปัจจุบันได้ถูกลบออกไปแล้ว
โดยอ้างเหตุผลว่า ให้ความเคาารพหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโล แต่ในความเป็นจริงคือการปกปิดความจริงมากกว่า อ่านความจริงได้ในหัวข้อ
“หลักฐานจากบุคคลที่เกี่ยวข้องและพร้อมให้สอบถาม”













ประกาศของอดีตกรรมการสวนสันติธรรม ๒

ประกาศของอดีตกรรมการสวนสันติธรรม ๒

วันที่ 15 มกราคม 2553
เรียนทุกท่านครับ

ผมต้องขออภัยในความไม่สะดวกบางประการรวมถึงด้านภารกิจส่วนตัว
ผมและกรรมการบริหารอีก 2 คนคือ พี่ใหญ่และตู่ จึงได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารสวนสันติธรรม และได้กราบเรียนถึงหลวงพ่อให้รับทราบด้วยแล้ว
จึงขอแจ้งให้ทุกท่านได้รับทราบด้วยครับ

ขอบคุณครับอภิชาติ

ผม = คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย
พี่ใหญ่ = คุณสุวรรณี เต็งอำนวย
ตู่ = คุณสุภาภรณ์ อัศวเรืองชัย

ประกาศของอดีตกรรมการสวนสันติธรรม ๑


วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๓

เรื่อง ขอลาออกจากการเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สวนสันติธรรม

เรียน คณะกรรมการสวนสันติธรรม

ตามที่ได้มีประกาศสวนสันติธรรม ที่ ๑ / ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เรื่อง
การปรับปรุงคณะกรรมการสวนสันติธรรม และแต่งตั้งผมเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ความละเอียด
แจ้งแล้วนั้น

ด้วยเหตุผลส่วนตัว ผมใคร่ขออนุญาตลาออกจากการเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ โดยมีผล
ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๓ เป็นต้นไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถือ
(นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย)

ประกาศของบ้านอารีย์ ๒


ประกาศมูลนิธิบ้านอารีย์
ชี้แจงเหตุผลการยุติเผยแผ่คำสอนของ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ก่อนอื่นต้องกราบขอขมาทุกท่านกับการกระทำที่เกิดขึ้น อาจทำให้เกิดอกุศลจิตขึ้นได้ โดยที่มิได้มุ่งหวังเช่นนั้น เป็นเพียงการตั้งใจทำหน้าที่ของผู้ร่วมเดินทางในสังสารวัฎ ตามกำลังสติปัญญาที่มี ที่สำคัญไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อใคร ทั้งยังเป็นเรื่องที่อึดอัดลำบากใจ อย่างถึงที่สุดในการกระทำ แต่ด้วยภาพที่ประสบทุกเมื่อเชื่อวัน ถึงความอ่อนแอของเพื่อนร่วมทุกข์ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบ้านอารีย์ โดยเฉพาะในระยะหลังๆที่ล้วนเข้ามาด้วยความโหยหาที่พึ่ง แต่ที่พึ่งนั้นกลับมิใช่พระธรรม ตามที่พระศาสดาคือพระพุทธเจ้าของเราทรงมอบไว้ให้ กลับอยู่ที่ตัวบุคคล หรืออิทธิฤทธิ์ ปาฎิหาริย์ของบุคคล
บ้านอารีย์เริ่มแปรสภาพเป็นสำนักผู้วิเศษ สามารถรู้วาระจิตของผู้เข้ามาเยือน ส่งผลให้ชาวพุทธอ่อนกำลังลงอย่างสิ้นเชิง ภาพเหล่านี้พบเห็นอยู่ทุกวัน ทำให้จำต้องหันมาพิจารณาถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นต่อสิ่งที่เผยแพร่ สิ่งที่สอน ว่าเหตุใดกัน ทำไมถึงกลายเป็นยิ่งปฏิบัติยิ่งอ่อนแอลง
อีกทั้งด้วยบ้านอารีย์ได้มีครูบาอาจารย์แวะเวียนมาเมตตาเป็นระยะ ทำให้ได้ลองตรวจสอบคำสอนและแนวทางดู จึงได้พบเห็นบางสิ่งบางอย่างจนนำมาซึ่งการตัดสินใจนี้ และจะได้แจกแจงในประกาศนี้
ทั้งนี้บ้านอารีย์ขอยืนยันว่า เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 3 วันที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่ามิได้เป็นเรื่องของการอื่นใด เว้นแต่เพียงต้องการกระตุ้นให้เพื่อนร่วมทุกข์เฉลียวใจหันมามองสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยกันรักษาพระสัทธรรมแท้ไว้ให้ลูกหลานของเราเท่านั้น
จากที่บ้านอารีย์ได้ประกาศยุติการเผยแผ่คำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชนั้น ได้มีผู้สอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก บ้านอารีย์จึงขอชี้แจงเหตุผลที่ทำให้เห็นว่า ต้องยุติการเผยแผ่คำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโชดังนี้
1. การบรรยายธรรมหลายครั้ง หลายกรณีมีการกระทบกระทั่งไปยังสำนักต่างๆ แทบจะทุกสำนัก ในลักษณะที่สื่อให้เห็นว่า การปฏิบัติของสำนักอื่นๆนั้น ยังมีข้อบกพร่อง ยังไม่สมบูรณ์ ต้องเสริมด้วยวิธีของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ทำให้เกิดอกุศลขึ้นระหว่างหมู่ผู้ปฏิบัติ ที่มีศรัทธาในสำนัก ในครูบาอาจารย์ของตน ไม่ก่อให้เกิดสังคมของพุทธศาสนิกชนที่ร่มเย็นขึ้นได้ จนทำให้ต้องมีการตัดต่อ ตัดตอน ลบ เก็บสื่อการสอนอยู่เป็นระยะๆ
2. การบรรยายธรรมหลายครั้ง หลายกรณีและบทความข้อเขียนเล่มต่างๆ มีการกล่าวหว่านล้อม โน้มน้าว ชักจูง ทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ว่า หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว รวมถึงเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ ซึ่งเป็นธรรมล้ำสามัญมนุษย์
กรณีเช่นนี้ พระพุทธองค์ได้ทรงตำหนิภิกษุที่มีพฤติกรรมดังกล่าวว่า เปรียบเสมือนสตรีที่เผยอวัยวะพึงสงวนให้เขาดู เพราะเห็นแก่เงินทองของต่ำทราม
3. แก่นการสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ใช้การทักวาระจิต ทายใจเป็นหลัก และเป็นการใช้อย่างสม่ำเสมอ ในทุกคราวของการแสดงธรรม ทำให้เกิดการเสพติดของนักปฏิบัติ และเป็นวิถีทางการปฏิบัติแบบใหม่ ที่ผู้ปฏิบัติเพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์จำนวนมาก ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ต้องอาศัยหวังพึ่งพิงปาฏิหาริย์ ทำลายหลักการ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ลงอย่างสิ้นเชิง
วิกฤติการณ์นี้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ผู้ที่สนใจปฏิบัติ เมื่อเข้ามาสู่การสอนในลักษณะนี้ ได้ก่อให้เกิดสภาพเหมือนการปฏิบัติธรรมกลายเป็นศาสตร์แห่งไสย แทนที่ศาสตร์แห่งพุทธะ ที่สำคัญ แม้วิชานี้อาจทำได้จริง อาจให้ประโยชน์กับบางบุคคลในบางกรณี ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงผิดพลาดได้ ลัทธิอื่นก็มีวิชานี้ได้เช่นกัน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงติเตียนและปราชญ์ทั้งหลาย อาทิ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ก็ไม่อนุญาตให้พระลูกศิษย์รูปใดกระทำเช่นนั้น หากมีลูกศิษย์รูปใดกระทำ หลวงปู่ดูลย์จะประณามเอาอย่างรุนแรง เพื่อให้ยุติการกระทำเยี่ยงนั้น
นอกจากนี้ ญาติธรรมหลายๆท่านได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองกำลังขาดสติแต่ถูกหลวงพ่อปราโมทย์ทักว่า ปฎิบัติได้ดี แสดงให้เห็นว่าการใช้การทักวาระจิตของท่านนั้นคลาดเคลื่อนไปจากสภาวะธรรมที่เป็นจริง และไม่สามารถยึดเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง
4. แนวทางการสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ไม่มีขั้นตอนการปฎิบัติที่ชัดเจน จึงต้องอาศัยการถามตอบเป็นหลักนั้น ทำให้ไม่มีมาตรฐานทางธรรม เกิดความฟุ้งซ่านขึ้นกับผู้ปฎิบัติ เฝ้ากังวลว่าจะปฎิบัติถูกหรือผิดหรือไม่อย่างไร จะเอาจิตไว้ที่ไหน ฯลฯ เพราะคอยแต่คิดคำนึงไปตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา วนเวียนอยู่กับการถามตอบ
อีกทั้งหลายกรณี คำตอบที่ได้จากหมู่ผู้สอนที่ได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อปราโมทย์ให้สอน ก็ขัดแย้งกันเอง จนนำมาซึ่งความสับสน เหนื่อยหน่าย เสื่อมความเพียรในการมุ่งหน้าเข้าสู่การปฎิบัติที่แท้จริง ”ขาดศรัทธาและความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของตนเอง” ในการจะปฎิบัติธรรมให้ได้ผล ประหนึ่งนกที่ถูกผู้เลี้ยงหักปีกไว้ ทำให้ไม่สามารถบินไปไหนได้ เอาแต่คอยอาหารและน้ำจากผู้เลี้ยงเท่านั้น
5. ในการแสดงธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์หลายครั้ง ได้ดูแคลนแนวทางการปฎิบัติที่ทำความเพียรในรูปแบบ และข้อวัตรปฎิบัติต่างๆของครูบาอาจารย์ต่างสำนัก ด้วยอาการเยาะเย้ย เหยียดหยาม ทำนองว่าเป็นทุกขาปฎิปทา ไม่เหมาะกับปัญญาชนคนเมือง ทำให้ล่าช้า สู้การทำความเพียรด้วยการฟังซีดีของท่านบ่อยๆ ไม่ได้
นอกจากนั้น ท่านยังไม่ส่งเสริมการสวดมนต์ การทำวัตรเช้าเย็น ซึ่งถือว่าขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับปฏิปทาของครูบาอาจารย์ที่ท่านอ้างว่าตนเป็นลูกศิษย์ โดยเฉพาะหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ลูกศิษย์ที่ดีจะต้องยึดปฏิบัติตามปฏิปทาของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ตนนับถือได้วางไว้
นอกจากปฏิปทาต่างๆแล้ว ยังมีข้อวัตรต่างๆที่ท่านละเลย เช่น การบิณฑบาตร เป็นต้น ซึ่งท่านไม่ได้ให้ความสนใจปฏิบัติในข้อวัตรที่จำเป็นเหล่านี้เลย
6. จากการพบปะพูดคุยกับญาติธรรมจำนวนมาก ที่อาศัยเพียงการดูจิตในชีวิตประจำวัน โดยละเลยการปฏิบัติในรูปแบบ และการทำสมถะซึ่งเป็นพื้นฐานที่ก่อให้เกิดความตั้งมั่นของจิต ทำให้ไม่มีกำลังที่จะใช้ดูจิต ถูกอารมณ์ลากพาไป เห็นแต่เพียงอาการของจิต ไม่สามารถทำให้ลดละกิเลสได้ ซึ่งครูบาอาจารย์สำนักต่างๆ หลายสำนัก ล้วนมีความเห็นตรงกันว่า การทำสมถะมีความจำเป็นสำหรับทุกคน มิใช่บางคนเท่านั้น
7. หลังจากที่บ้านอารีย์ได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบข้อเท็จจริงว่า
7.1 จากการที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ได้มีความเพียรพยายามอ้างถึง ความเกี่ยวพันกับ หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร (ผู้เป็นศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล) และสวนพุทธธรรม-ป่าละอู ในลักษณะศิษย์พี่ศิษย์น้อง และวัดพี่วัดน้อง อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในรูปของคำพูด และข้อเขียน ไม่เป็นความจริง
7.2 จากการที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ได้ระบุไว้ในข้อเขียนเรื่อง “กว่าจะเป็นสวนสันติธรรม” (ปัจจุบันถูกลบออกจาก website ของสวนสันติธรรม หลังจากมีประกาศชี้แจงเรื่อง ความเกี่ยวพันระหว่างสวนพุทธธรรม-ป่าละอู และสวนสันติธรรมศรีราชา ลงวันที่ 11พฤศจิกายน 2552) ซึ่งมีเนื้อความกล่าวถึง การจัดสร้างสวนสันติธรรมว่า เป็นดำริเริ่มต้น ของหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร และต่อมาได้รับการพิสูจน์ภายหลังว่า ไม่เป็นความจริงเช่นกัน
7.3 จากการที่ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มีความพยายามที่จะแสดงให้ญาติธรรมเข้าใจว่า หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร ได้เขียนจดหมายรับรองโสดาปัตติผลให้กับ แม่ชีอรนุช สันตยากร นั้นก็ได้รับการพิสูจน์ภายหลังว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
8. บ้านอารีย์เห็นว่า หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มีปฏิปทาสวนทางกับพระพุทธวจนะ ว่าด้วยการพยากรณ์อริยะผล ซึ่งเป็นวิสัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
เป็นที่รับทราบกันดีว่า มีการพยากรณ์โสดาปัตติผลให้แก่ลูกศิษย์จำนวนอย่างน้อย 6 ราย อีกทั้งการพยากรณ์กันเองในหมู่ผู้แวดล้อม เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงติเตียน ดังในพระสูตรภิกษุโจรที่พยากรณ์กันเอง จนมีลาภสักการะจำนวนมาก
บ้านอารีย์เคารพเทิดทูนพ่อแม่ครูอาจารย์ยิ่งชีวิต และมีความเชื่อว่า พวกเราควรยึดหลักที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้คือ มีพระธรรมเป็นศาสดา มิใช่ยึดถือในตัวบุคคล ศรัทธาในตัวบุคคลเป็นใหญ่ เมื่อบุคคลวิบัติ ก็ยังมีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา มีหลักธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
บ้านอารีย์ขอยืนยันด้วยความสุจริตใจว่า การกระทำใดๆ ตลอดจนข้อเท็จจริง และเหตุผลที่บ้านอารีย์ได้นำมาเปิดเผยในประกาศฉบับนี้ เป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาก้าวล่วง ไปตำหนิหลวงพ่อปราโมทย์เป็นการส่วนตัว หากแต่เป็นไปเพื่อปกปักรักษาพระศาสนา ในฐานะที่เป็นชาวพุทธตามทำนองคลองธรรม อันจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไปในภายหน้า
ทั้งนี้ บ้านอารีย์ยังใคร่เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่มีความสนใจ หรือสงสัยในความถูกต้องของข้อความข้างต้น ได้ทำใจเป็นกลาง และใช้โยนิโสมนสิการ เฝ้าตามสังเกตข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ด้วยตัวท่านเอง

ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม 2553

ประกาศของบ้านอารีย์ ๑


ประกาศมูลนิธิบ้านอารีย์

เรื่อง ขอยกเลิกการเผยแผ่สื่อธรรมะ คำสอน กิจกรรมต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

มูลนิธิ บ้านอารีย์ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า มูลนิธิบ้านอารีย์ขอยุติการเผยแผ่สื่อธรรมะ คำสอน และกิจกรรมทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับ พระอาจารย์ปราโมช ปาโมชฺโช นับตั้งแต่ วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ ๒๕๕๓ เป็นต้นไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน


ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๓

และประกาศฉบับถัดไป
ประกาศบ้านอารีย์


ประกาศสวนพุทธธรรม ป่าละอู


ประกาศสวนพุทธธรรม ป่าละอู
อีเมลล์ฉบับที่ ๑
อีเมลล์ฉบับที่ ๒
อีเมลล์ฉบับที่ ๓

แด่เธอผู้มาใหม่

(พฤษภาคม ๒๕๕๓)



แด่เธอผู้มาใหม่
หลายๆท่านที่เพิ่งรู้จักเว็บไซต์ของกลุ่มต่อต้านการสอนแบบพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช อาจจะเป็นผู้ที่เพิ่งได้ศึกษาวิธีการปฏิบัติที่โฆษณาชวนเชื่อว่า เร็ว ลัดสั้น สบายๆ ไม่ต้องลำบากก็เข้าถึงมรรคผลได้ หรือ อาจจะเป็นกลุ่มที่ได้ปฏิบัติตามแนวลัดสั้นนี้มานานหลายปี แต่ไม่ได้เข้าถึงข่าวสารทางอินเตอร์เน็ท เมื่อเข้ามาอ่านในเว็บไซต์แห่งนี้แล้ว อาจจะเกิดความสับสน งงงวย ว่าเกิดอะไรขึ้นในวงกรรมฐานของชาวพุทธในประเทศไทย
ทางเว็บจึงขอเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้ท่านทั้งหลายเข้าใจได้ง่ายขึ้น และ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการปฏิบัติภาวนาให้ดำรงไว้แต่ทางที่ถูกต้องสมควร สืบต่อให้สาธุชนรุ่นหลังให้ยังสามารถเข้าถึงธรรมและการปฏิบัติแท้ๆขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดกาลนาน

ถาม. พระปราโมทย์เป็นใคร?
ตอบ. พระปราโมทย์ หรือ สันตินันท์ในวงการเว็บบอร์ดศาสนา เริ่มมีลูกศิษย์ลูกหาตั้งแต่ครั้งเป็นฆราวาส ซึ่งได้แอบอ้างครูบาอาจารย์ที่เป็นที่นับถือในวงกว้าง เช่นหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่เทสก์ หลวงพ่อพุธ หลวงปู่สิม เป็นต้น ว่ารับรองตนเองนั้นได้อริยะผลขั้นโสดาบันและสกิทาคามี แล้ว เริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมเว็บบอร์ดเช่น พันทิปและลานธรรม เมื่อสิบกว่าปีก่อน โดยจะตอบปัญหาทางธรรมะและทางปฏิบัติ จนคนทั้งหลายยกย่องเพราะเข้าใจว่าเป็นผู้มีภูมิธรรมสูง ประกอบกับการกล่าวอ้างถึงคำรับรองของครูบาอาจารย์หลายๆองค์ที่สันตินันท์ยกมา ทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น จากศิษย์ไม่กี่คนเริ่มขยายตัวเป็นวงกว้างหลายร้อยคนในภายหลัง 
สันตินันท์เคยมีศิษย์ใกล้ชิดกลุ่มแรกเป็นกลุ่มผู้ทำงานในราชการ ในยุคก่อนอินเตอร์เน็ท และต่อมาเมื่อศิษย์กลุ่มแรกนี้จับได้ว่าหลอกลวง จึงแตกสลาย และหมดศรัทธาไปหมดภายในครั้งเดียว
 หลังจากนั้นสันตินันท์จึงเริ่มมาหาศิษย์กลุ่มใหม่จาก เว็บบอร์ดพันทิพ ลานธรรม วิมุตติ จนกลายเป็น ศิษย์ลานธรรมรุ่นแรกๆ โดยอ้างว่า วิธีปฏิบัติของตนเองเป็นสายตรง เหมาะสำหรับคนเมือง ง่าย สบาย ลัดสั้น มาเป็นสิ่งจูงใจ

ถาม. เว็บไซต์นี้เป็นกลุ่มแรกที่รู้ว่าพระปราโมทย์หลอกลวงใช่หรือไม่?
ตอบ. กลุ่มศิษย์ที่รู้ถึงการหลอกลวงของพระปราโมทย์ หรือ สันตินันท์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยพระปราโมทย์ยังเป็นฆราวาสอยู่เมื่อกว่า 15 ปีก่อน คือศิษย์ฆราวาสในสายงานราชการกลุ่มแรก เหตุการณ์ที่ทำให้ศิษย์ทั้งหลายเสื่อมศรัทธา เนื่องจากเหตุที่ว่า สันตินันท์ซึ่งขณะนั้นได้บอกกับศิษย์กลุ่มนั้นว่ามีภูมิธรรมถึงพระอนาคามีแล้ว แต่มีเหตุให้แสดงเห็นชัดว่าไม่ได้มีภูมิธรรมถึงระดับพระอนาคามีจริง ทำให้ศิษย์กลุ่มนั้นเสื่อมศรัทธาถึงกระทั่งยึดรถยนต์และบ้านที่ซื้อให้ใช้คืน 
แต่สันตินันท์กลับมาเล่าให้ศิษย์รุ่นหลังฟังว่า ที่โดนศิษย์ยึดบ้านยึดรถนั้นเพราะสันตินันท์ปฏิเสธที่จะฝากงานให้เขา แล้วยังคุยฟุ้งเรื่องฐานะตัวเองว่าเคยได้เงินเดือนหลายแสน แต่แท้จริงแล้วได้เงินเดือนหมื่นกว่าบาท แถมยังต้องเจียดเงินให้เป็นค่าดูแลภรรยาเก่าอีก เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท หลังจากแต่งงานกับแม่ชีอรนุช หรือ นางอรนุช สันตยากร แล้ว
ศิษย์ที่รู้ความจริงในข้อนี้ส่วนใหญ่มีอายุเกิน 60 ปี บางท่านเก็บตัวปฏิบัติเงียบๆ บางท่านยังมีที่พักอยู่ในสถานที่ปฏิบัติภาวนาที่เรารู้จักกันดี  ในขณะที่ศิษย์ลานธรรมซึ่งเป็นรุ่นต่อมา แทบไม่มีใครที่รู้เรื่องอดีตในครั้งนั้น ทั้งๆที่หลายๆคนก็รู้จักกับพยานผู้เห็นเหตุการณ์อย่างไม่รู้ตัว 
ศิษย์ลานธรรมส่วนใหญ่จึงไม่ได้ระแคะระคายในเรื่องดังกล่าว ส่วนใหญ่มักเดินทางไปกราบหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร ที่สวนพุทธธรรม ป่าละอู เพื่อสอบถามแนวทางปฏิบัติ ให้ก้าวหน้ากว่าเดิมเพราะสันตินันท์อ้างอยู่เสมอๆว่าสนิทกับหลวงพ่อมนตรีมาก และมีแนวทางปฏิบัติที่เรียนรู้มาจากหลวงปู่ดูลย์เหมือนกัน แต่เมื่อศิษย์ลานธรรมกลุ่มดังกล่าวไปกราบหลวงพ่อมนตรีในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมาและใช้ความสังเกตบ้าง หลายคนจะพอจับความได้อีกอย่างหนึ่ง ว่าจริงๆแล้ว สันตินันท์แอบอ้างเองทั้งนั้น

ถาม. ในเมื่อรู้เรื่องกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาต่อต้านกันตอนนี้?
ตอบ. ทางกลุ่มเรานั้นมาจากศิษย์รุ่นปัจจุบัน ที่เรียนจากสวนสันติธรรม ซึ่งเป็นช่วงที่การดูจิตตามแนวนี้ได้รับความนิยมอย่างมากให้หมู่ชาวพุทธ หลายๆคนทิ้งการทำสมถะแบบพระป่า ครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่น มาศึกษาแนวนี้ เพราะได้รับการโฆษณาชวนเชื่อว่า ง่าย ลัดสั้น ได้มรรคผลโดยไม่ต้องทำสมถะ ไม่ต้องนั่งนานๆ หรือเดินจงกรมจนปวดขา จะดูหนังฟังเพลงก็ได้ขอให้ดูจิตไป เดี๋ยวบรรลุเอง ประกอบกับคำเทศน์ที่แจกกันตามซีดีนั้น ฟังแล้วสนุก เพลิดเพลิน อ้างอิงพระไตรปิฎก ครูบาอาจารย์ และที่สำคัญช่วงส่งการบ้านนั้น มีการกล่าวอยู่หลายๆครั้งว่า มีหลายคนที่มาเรียนกับหลวงพ่อปราโมทย์เพียงไม่นาน และส่วนมากไม่เคยนั่งสมาธิ หรือ ทำสมาธิไม่เคยได้ ก็ได้โสดาปัตติผลไปครอบครอง เช่น อ. สุรวัฒน์ หมอณัฏฐ์ ครูบาอ๊า คุณมาลี อ.จุณลักษณ์(หนุ่ย) รวมถึงแม่ชีอรนุช และอีกหลายๆคนที่ไม่ได้เอ่ยถึง ซึ่งยิ่งทำให้น่าเชื่อถือและชวนให้เคลิ้มฝันว่า มรรคผลไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ และไม่ต้องเพียรทำสมถะด้วย ซึ่งกลุ่มเรานั้นและเชื่อว่าอีกหลายๆท่านไม่เคยทราบความจริง เรื่องหลวงพ่อมนตรี หรือ พระสกิทาคามีกับอากัปกริยาไม่เหมาะสมเลย ถ้ารู้คงไม่โดนหลอก

ถาม. ใครเป็นกลุ่มแรกที่จุดชนวนให้ชาวพุทธได้ฉุกคิด ถึงความจริง?
ตอบ. กลุ่มแรกที่ทำกันกว้างขวางคือ กลุ่มที่บอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต (พระสุปฏิปันโนรูปหนึ่งที่หลวงตามหาบัวกล่าวชมบ่อยๆ)โดยล๊อคอิน “Satonarai” "เกิดเป็นคนช่างยากแท้" และ "ใบลาน" ได้เริ่มการต่อต้านการสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ในเว็บไซต์พันทิป เมื่อประมาณปี ๕๒ โดยนำเอาเทศนาของหลวงพ่อสงบ มาโพสในพันทิปดอทคอม ซึ่งตอนนั้นหลายๆท่านไม่เคยรู้จักเลยว่าหลวงพ่อสงบท่านเป็นใคร เพราะท่านไม่เคยออกมาแสดงตัวต่อสาธารณะชนเลย ทั้งๆที่บวชมาหลายสิบปี และเป็นพระที่หลวงตากล่าวชมเสมอ ช่วงนั้นสังคมในพันทิปต่อต้านกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อ ทั้งยังต่อต้านหลวงพ่อสงบด้วยซ้ำเพราะความไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร ผนวกกับข่าวลือเสียหายที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อหลอกลวงไม่ให้ศิษย์ไปฟังท่าน เช่น ท่านถูกหลวงตาไล่ออกจากวัดป่าบ้านตาดมาแล้ว เป็นต้น ซึ่งได้พิสูจน์ภายหลังว่าไม่เป็นความจริง

ถาม. แล้วเริ่มระแคะระคายตอนไหน?
ตอบ. หลายๆท่านเริ่มระแคะระคายตั้งแต่ตอน ประกาศจากสวนพุทธธรรมป่าละอู เรื่องความเกี่ยวข้องของสวนพุทธธรรมป่าละอู กับสวนสันติธรรม ซึ่งเป็นวัดของหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร ว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ทั้งทางส่วนตัว หรือ ปฏิปทา ซึ่งขัดแย้งกับคำพูดของหลวงพ่อปราโมทย์โดยสิ้นเชิง ว่าหลวงพ่อมนตรี รักและสนิทกับหลวงพ่อปราโมทย์ดั่งพี่ชาย

ถาม. เกิดอะไรขึ้นหลังจากสวนพุทธรรม ได้ประกาศออกไป?
ตอบ. พอหลายๆคนได้อ่านประกาศดังกล่าว ได้เกิดวิกฤติศรัทธาครั้งใหญ่ในหมู่ชาวสวนสันติธรรม หลายๆท่านได้เดินทางไปถามความจริงจากหลวงพ่อมนตรี หรือ คุณไกรศร (ผู้นำสารของหลวงพ่อมนตรี) จึงได้ทราบความจริง และได้ถอนตัวออกมาจากสวนสันติธรรม ในบรรดาคนที่ถอนตัวออกนั้น ยังมีคณะกรรมการของสวนสันติธรรมหลายท่าน ซึ่งถือได้ว่าศรัทธาถวายหัวแก่หลวงพ่อปราโมทย์และทำงานใกล้ชิดที่สุด ก็ได้ตัดสินใจลาออกเกือบทั้งหมด เนื่องจากเห็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยของหลวงพ่อปราโมทย์มาตลอด เพียงแต่ด้วยความเกรงกลัวว่าอาจจะเป็นบาป จึงไม่กล้าคิดหรือสรุปความเอง เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังเชื่อมั่นศรัทธาต่อไป
หลังจากประกาศนั้นออกไป ทางบ้านอารีย์และ DMG ที่เคยนิมนต์ หลวงพ่อปราโมทย์ไปเทศน์อยู่เป็นนิจนั้น ได้ยกเลิกการนิมนต์ทั้งหมด โดยให้เหตุผลหลายๆอย่าง แต่จะเน้นไปทางที่ว่า เป็นการสอนที่ผิดเป็นหลัก
วิกฤติศรัทธาครั้งนี้ ถือว่าใหญ่หลวงนัก เป็นกรณีแรกๆที่ทำให้ผู้ศรัทธารู้ทันว่า  "หลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระอรหันต์ และ แนวทางปฏิบัติของท่านนั้นถูกต้อง" ไม่ใช่ความจริง จนทำให้เกิดเรื่องอื่นตามๆมา เช่น
๑. สวนสันติธรรมถอดเอาบทความ"กว่าจะเป็นสวนสันติธรรม"ออกจากเว็บวิมุตติดอทเน็ท
๒. ประกาศแก้ตัวทั้ง ๑๐ ฉบับ (ซึ่งจับโกหกได้ไม่ยาก) ในเวลาไม่ถึง ๑ อาทิตย์
๓. ปล่อยข่าวลือเรื่องคุณไสย เพื่อห้ามไม่ให้ลูกศิษย์ที่ยังไม่รู้ความจริง เดินทางไป สวนพุทธธรรม ป่าละอู, บ้านอารีย์, DMG หรือ พูดคุยกับคนที่รู้ความจริงแล้วลาออกไป โดยขู่ว่าจะโดนคุณไสยแล้วภาวนาไม่ขึ้น
๔. ฟอร์เวิร์ดเมลล์กระจายข่าวเรื่องคุณไสย
๕. บทความแก้ตัวแทนหลวงพ่อปราโมทย์ โดยดังตฤณ (ที่โดนหลวงพ่อปราโมทย์หลอกใช้ โดยที่ไม่รู้ว่าหลวงพ่อปราโมทย์ หมั่นพูดลับหลังกับวงในเรื่องตนเอง ในทางกลับกันมาตลอด)
๖. บทความพิสูจน์คุณไสยในลูกประคำโดยใช้กล้องเกอร์เลียน โดยดังตฤณ 
๗. ดิสเครดิต กรรมการที่ลาออกไปและบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยนำบทความ "บันทึกยุทธภพ โดยสายลับตงฉั่ง" โพสและอีเมลล์ไปทั่วอินเตอร์เน็ท เพื่อปลูกฝังความเกลียดชังแก่บุคคลที่ถูกกล่าวถึง และยกย่องบุคคลที่ยังศรัทธาต่อเจ้าสำนักอยู่ เพื่อให้คนที่อ่านแล้วเกลียดชัง จะได้ไม่อยากไปสอบถามความจริง
หลังจากเกิดเรื่องระลอกใหญ่ ทางสวนสันติธรรม จึงงดการนิมนต์พร้อมทั้งถอดไฟล์เสียง และ หนังสือ"แก่นธรรม" เจ้าปัญหา ออกจากเว็บ แต่ยังคงกระจายเรื่องคุณไสยอยู่เป็นระยะๆ เพื่อข่มขู่ผู้คนให้หวาดกลัว และไม่กล้าไปสอบถามความจริงที่สวนพุทธธรรม ต่อมาจึงเกิด อีเมลล์ ๓ ฉบับ จากสวนพุทธธรรมที่บอกกล่าวและเล่าความจริงโดยละเอียดอีกครั้ง
อีเมลล์ ๓ ฉบับนี้ได้สร้างความสั่นคลอนในบรรดาหมู่ศิษย์สวนสันติธรรมอีกระลอก แต่แล้วอีเมลล์ดังกล่่าวก็ถูกบิดเบือนไป โดย สาวกของสวนสันติธรรม ที่บอกว่าตนเป็น "สายลับตงฉั่ง" โดยใช้ล๊อคอิน "ประมุขพรรคบัวขาว" ในพันทิพดอทคอม โดยอ้างความสนิทของตนกับหลวงพ่อมนตรี สวนพุทธธรรมป่าละอู และใส่ร้ายคุณไกรศร ผู้นำสาส์นจากป่าละอูว่า เป็นคนปั้นแต่งสาส์นต่างๆเอง โดยหลวงพ่อมนตรีมิได้มีสวนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น เป็นกระทู้ร้อนแรงในพันทิพ โดยมีสาวกสวนสันติธรรมร่วมกันเข้ามาด่า สาปแช่งซ้ำเติมเป็นระลอกๆ
โดยเหตุนี้ หลวงพ่อมนตรีเล็งเห็นว่าการนำสารจากท่านไปบอกกล่าวนั้น ถูกบิดเบือนไปอย่างไม่ถูกต้อง และทำความเดือดร้อนแก่ผู้นำสาส์น ทางสวนพุทธธรรมโดยหลวงพ่อมนตรี จึงได้นัดวันที่จะเคลียร์ยืนยันความถูกต้องทั้งหมด จึงเป็นที่มาของ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๓ ซึ่งวันนั้นมีผู้คนได้ทราบความจริงไปหลายๆท่าน โดยเฉพาะยืนยันความถูกต้องของอีเมลล์ ๓ ฉบับว่าเชื่อถือได้ 100% และกล่าวถึงวิธีปฏิบัติกรรมฐานที่ถูกต้อง

ถาม. แล้วกลุ่มแอนตี้วิมุตตินั้น รู้ได้อย่างไรว่า หลวงพ่อปราโมทย์สอนผิด และ ไม่ได้เป็นพระอรหันต์?
ตอบ. ทางกลุ่มแอนตี้วิมุตตินั้น ขอไม่วิจารณ์เรื่องคำสอน เนื่องจากครูบาอาจารย์พระป่าหลายๆท่านได้กรุณาออกมาช่วยแก้ไขและชี้ทางสว่าง พร้อมทั้งชี้จุดผิดอย่างเด่นชัดแล้ว เช่น หลวงพ่อสงบ หลวงพ่อมนตรี หลวงพ่อแบน หลวงพ่อทุย พระอาจารย์ตั๋น และอีกหลายๆท่าน ที่ขอสงวนการออกนาม
กลุ่มเรานั้นจะเน้นชี้ความผิดในพฤติกรรมทางโลก และการละเมิดศีล 5 ซึ่งไม่ใช่คุณสมบัติของพระอรหันต์ เช่น การโกหก พฤติกรรมปฏิบัติ และ ข้อวัตรต่างๆ โดยประกอบด้วยหลักฐาน และ บุคคลให้สอบถามได้เท่านั้น

ถาม.แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป?
ตอบ. ทางกลุ่มแอนตี้วิมุตติได้เพียงแต่รักษาพระศาสนาและการปฏิบัติที่ถูกต้องไว้ ส่วนผู้ที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินนั้น เป็นสิทธิของท่านนั้นๆเอง โดยใช้ปัญญาพิจารณาถึงเหตุและผล และหลักฐานต่างๆ ที่ทางเว็บได้นำเสนอไว้อย่างดีแล้ว ผู้ที่ได้ทราบความจริงแล้ว ท่านสามารถทำหน้าที่ของพุทธบริษัทสี่ ที่พระพุทธองค์ทรงฝากพระศาสนาไว้ โดยการบอกกล่าวสิ่งที่ท่านได้ทราบมาแก่คนรอบข้าง หรือ แก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป ตามกำลังของตน 

ตอบข้อสงสัยชาวพันทิพดอทคอม


จากที่ทางทีมงานได้เข้าไปอ่านหลายความคิดเห็นใน pantip.com
ซึ่งมีหลายๆคำถามเกี่ยวเนื่องกับทางเว็บไซด์แห่งนี้ เราจึงขอชี้แจงดังนี้

1. เว็บไซด์นี้มีความเกี่ยวข้องกับ หลวงพ่อมนตรี หลวงพ่อสงบ กรรมการสวนสันติธรรมที่ลาออกไป บ้านอารีย์ หรือ คุณแมวแก่ หรือไม่

ตอบ. ทางผู้จัดทำเว็บไซด์นี้ ไม่มีความเกี่ยวข้อใดๆ กับ พระ บุคคล หรือ องค์กรใดๆ ที่อ้างอิงข้างต้นนี้ ทางทีมงานเป็นเพียงแค่ กลุ่มนักปฏิบัติที่ “เคย” ปฏิบัติตามแนวทางสวนสันติธรรม และ เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ทางทีมงานได้ ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ จึงพบความจริง แล้วต้องการเผยแพร่ความจริงนี้ ให้กับสาธารณะชน ให้ทราบถึงข้อเท็จจริง เท่านั้น ท่านที่ต้องการทราบความจริงเพิ่มเติม ควรจะเดินทางไปถามจากพระ หรือ บุคคล ที่โดนพาดพิง โดยตรงเพื่อความกระจ่างของท่านเองชีวิตคนเราสั้นนัก หากปฏิบัติผิดโดยที่ไม่รู้ และไม่สอบถามความจริงก่อน จะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของท่านเอง มิใช่ของใคร

2. กรณีชื่อของเว็บไซด์แห่งนี้ antiwimutti.net เป็นการต่อต้านการหลุดพ้น หรือ ไม่

ตอบ. ชื่อของเว็บไซด์แห่งนี้ ได้บอกถึงความหมายในตัวอยู่แล้วคือ เราต่อต้าน การสอนแบบของ wimutti.net ซึ่งเป็นเว็บของสวนสันติธรรม ของ พระปราโมทย์ ปาโมฺชโช หากเราต้องการต่อต้านการหลุดพ้นจริง คงจะไม่ใช่ .net คงจะใช่ .com หรือ .org จะเหมาะสมกว่า ทางทีมงานก็เป็นกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งเคารพบูชาพระพุทธเจ้า และ พระธรรมของท่าน จนหมดหัวใจ ทางเราถึงทนไม่ได้ที่ใครจะมาทำลายพระศาสนาของท่าน

3. เรื่องการตัดต่อเสียงเทศน์ เพื่อใส่ร้าย พระปราโมทย์ ปาโมฺชโช

ตอบ. ไฟล์ที่อยู่ในyoutubeนั้น  มิใช่เป็นการตัดต่อตามที่ลือกัน ทางทีมงานแค่ตัดเอาตอนที่พูดออกมาจากหลายๆไฟล์มารวมกันเพื่อความสะดวกในการฟัง ทั้งนี้ทีมงานได้เพิ่มลิ่งค์ ไฟล์เต็มไว้แล้ว
ทางทีมงานได้ลดคุณภาพเสียงลง เพื่อจะได้ไฟล์เล็ก เหมาะแก่การดาวน์โหลด
หากท่านมีไฟล์นั้นอยู่แล้ว กรุณาเปิดฟังด้วยตัวเอง แล้วเทียบเคียงว่าทางเราได้มีการตัดต่อใส่ร้ายหรือไม่ แต่หากเป็นไฟล์ที่ได้มาใหม่อาจจะไม่เจอ เพราะเมื่อเราทำการประกาศออกไปแล้ว อาจจะถูกตัดต่อได้


คำชี้แจงของ ANTIWIMUTT.NET


(มีนาคม ๒๕๕๓)
เหตุของการก่อตั้งเว็บไซด์นี้ขึ้น เพราะเล็งเห็นภัยที่กำลังคุกคามพระศาสนาและนักปฏิบัติ ซึ่งหลังจากทีมงานได้ข้อมูลชี้นำต่างๆ จากประกาศบ้านอารีย์ และ จากสื่อต่างๆ ทางทีมงานซึ่งเคยฟังเทศน์ของพระปราโมทย์มาพอสมควร ได้ทำการสืบค้นหาหลักฐาน ว่าคำกล่าวอ้างนั้นเป็นจริงหรือไ่ม่ ซึ่งเป็นที่น่าตกใจว่า คำประกาศที่ทางสวนสันติธรรม ประกาศออกมาทั้ง 10 ฉบับนั้น มีหลักฐานมากมายยืนยันว่า ที่ทางพระปราโมทย์ออกมาปฏิเสธ ทั้งเรื่องไม่เคยบอกการบรรลุของตน ไม่เคยพยากรณ์ใครนั้น เป็นเท็จทั้งสิ้น ยิ่งค้น ยิ่งเจอหลักฐานมากมายมากขึ้น ประกอบกับการสอบถามไปยังพระอาจารย์กรรมฐานหลายรูปดั่งในประกาศบ้านอารีย์ ก็ได้คำตอบยืนยันเช่นเดียวกันว่า

การปฏิบัติแบบการดูจิตของสวนสันติธรรมนั้น เป็นเพียงการไล่ตระคุบเงาตัวเอง ซึ่งปฏิบัติไปสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย และจะไม่ถึงมรรคผลแน่นอน การดูจิตชนิดนี้ แม้จะทำให้ผู้ปฏิบัติรู้เท่าทันใจของตนได้ แต่ไม่สามารถละสังโยชน์ซึ่งนองเนื่องในจิตได้

อีกทั้งการประพฤติตนในเพศบรรพชิตของพระปราโมทย์นั้น ก็ยังเป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งในหลายๆเรื่อง ซึ่งทางเว็บไซด์นี้ได้นำมาเสนอ พระที่ไม่สามารถรักษาแม้กระทั้งศีล5ได้ จะมาสอนให้ใครบรรลุอริยะผลได้อย่างไร

พระที่แม้กระทั่งศีล 5 ยังรักษาไม่ได้ จะเป็นพระอริยะได้อย่างไร เมื่อเป็นพระอริยะไม่ได้ 

ทำไมถึงกล่าวอ้างว่าตนเป็นพระอริยะ ในเมื่อไม่เป็นความจริง

ในเมื่อทีมงานเห็นเหตุเป็นอย่างนี้ ผลก็คือพระปราโมทย์ได้อาบัติปราชิก ขาดจากความเป็นพระไปแล้วในข้อ อวดอุตริมนุสสธรรม

ทางทีมงานจึงก่อตั้งเว็บไซด์นี้ขึ้น เพื่อเตือนสตินักปฏิบัติทั้งหลาย มิได้ต้องการล้มล้างใคร แต่ต้องการเสนอความจริงให้พุทธศาสนิกชนทราบ จะได้เลือกแนวทางการปฏิบัติที่ตนเห็นว่าถูกต้องแล้วใช้ในการฝึกฝนตนเองต่อไป

ข้อเท็จจริงทั้งหมด ได้นำมาจาก CD คำเทศนา ที่ท่านปราโมทย์ ปาโมชโช ได้เทศน์อบรมศิษย์บนศาลา และในโอกาสต่างๆ มีผู้ฟังเป็นจำนวนมาก ไม่มีการตัดต่อใดๆทั้งสิ้น และ คำประกาศของสวนสันติธรรมนั้น ก็นำมาจากเว็บของสวนสันติธรรมเอง ที่ http://www.wimutti.net จึงมิอาจกล่าวได้ว่าท่านปราโมทย์ ไม่รู้เกี่ยวกับประกาศของสวนสันติธรรมทั้ง 10 ฉบับ เพราะท่านปราโมทย์นั้น เป็นประธานในสวนสันติธรรม

การออกมาโต้แย้งพระปราโมทย์นั้น จะไม่เกิดขึ้นหากท่านไม่อ้างอิงว่าการปฏิบัติแบบตนนั้นถึงมรรคผลได้ ซึ่งได้รับการโต้แย้งจากครูบาอาจารย์หลายรูป อีกทั้งการแก้คำสอนของหลวงปู่ดูลย์ว่า “น่าจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง” ซึ่งครูบาอาจารย์หลายๆท่านได้ออกมาต่อต้านอย่างรุนแรง ว่าหลวงปู่ท่านกล่าวไว้ถูกต้องแล้ว 
แต่พระปราโมทย์เองนั้นแหละ เข้าไม่ถึงธรรมเอง

หากพระปราโมทย์เพียงสอนว่าคำสอนของท่านไม่สามารถทำให้เข้าถึงมรรคผลได เป็นเพียงแต่การรู้ทันใจตน ทำให้ผู้ฝึกรู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง ก่อนกระทำสิ่งใด ก็คงไม่มีใครออกมาค้านเช่นนี้

ข้อคิดจากแฮร์รี่ พ๊อตเตอร์ โดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง อดีตกรรมการสวนสันติธรรม (มีนาคม ๒๕๕๓)


เข็มทิศชีวิต ข้อคิดจากแฮร์รี่ พ๊อตเตอร์ 

   ฉันชอบอ่านหนังสือ แฮร์รี พอตเตอร์ ทั้งที่อ่านไปแล้วหลายรอบ เพราะเล่าให้ลูกฟังทีไรลูกก็ชอบทุกที 
    
    ฉันติดใจคำพูดหลายประโยคในแฮร์รี พอตเตอร์ เช่น ตอนที่คนเริ่มรู้ความจริงว่าโวลเดอร์มอร์ หรือจอมมารกลับมาแล้ว ทั้งที่แฮร์รี พยายามบอกมาตลอดว่านั่นคือจอมมาร แต่ไม่เคยมีใครเชื่อ รอนบอกแฮร์รี่ว่า ‘มันง่ายกว่าที่คนจะให้อภัยคนผิด แต่มันยากกว่าที่คนจะให้อภัยคนที่ถูก’

    ผู้คนอยากเชื่อในสิ่งที่เขาต้องการจะเชื่อ แล้วเขาไม่ได้ชอบที่ใครเอาความจริงไปให้เขาดูเพื่อให้เขาต้องสละความเชื่อที่ยึดไว้แน่นเหนียว และเมื่อถึงเวลาที่ความจริงทุกอย่างปรากฏจนเขาต้องยอมรับความจริง  เขาก็ยังแอบไม่ชอบใจ ด้วยความรู้สึกว่าถ้าไม่มีใครชี้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องปรากฏออกมา  ทุกคนจะได้มีชีวิตอย่างสงบสุขปลอมๆเหมือนเดิม
   คนมากมายชอบหลอกตัวเองไม่มีใครหลอกใครได้นอกจากเจ้าตัวจะหลอกตัวเองก่อนจนยอมให้คนอื่นมาหลอกตัวเองได้ เราเองต้องมีความต้องการลับๆบางอย่างที่ทำให้เราอยากเชื่อสิ่งนั้นเช่นถูกหลอกว่าลงทุนแบบนี้ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนเยอะ ได้แน่ๆมีคนได้ให้เห็นกันตลอด  ในชีวิตคนเราการพลาดแต่ละครั้งคือเวลาที่เราเอาความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองไปไว้ที่คนอื่น อยากได้สิ่งที่ต้องการ โดยมีใครสักคนมารับผิดชอบว่าเราจะได้รับสิ่งที่เราต้องการ ไม่ว่าจะด้วยคำอ้างสวยๆว่า " รัก ศรัทธา ไว้ใจ เชื่อ" หรือ อะไรก็ตาม การลดความรับผิดชอบต่อตัวเองลง ฝากชีวิตไว้ที่คนอื่นทำให้เรา ไม่สามารถเห็นความจริง  ความไม่ดีของเขาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเราตลอดมา
    ในเรื่องแฮร์รี พอตเตอร์ จอมมารโวลเดอร์มอร์ ชักนำให้เหล่าพ่อมดเชื่อตามตัวเอง มีสาวกศรัทธาเป็นจำนวนมาก พร้อมที่จะออกไปทำลายผู้อื่นที่ไม่ศรัทธาจอมมารของตน  วิธีของเหล่าจอมมารในทุกยุคทุกสมัย คือการสร้างความเชื่อในแนวทางใหม่ที่ตนเองนำเสนอ จอมมารส่งสาวกซึ่งมีชื่อเรียกว่า เหล่าผู้เสพความตาย ออกไปทำให้ทุกคนเชื่อและเข้ามาเป็นพวกจอมมาร ใครไม่เชื่อ ถ้าไม่ถูกทำร้ายฆ่าตาย ก็ถูกจำกัดพื้นที่ในสังคม ให้มีเหลือแต่พ่อมดเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น  แต่ที่น่าตลกคือ ตัวจอมมารโวลเดอร์มอร์ เองนั่นแหละที่เป็นพวกเลือดผสมไม่ได้เป็นเลือดบริสุทธิ์ คนยังลืมมองเห็น มองไม่ออกว่าตัวผู้นำชั่วยังไง เพราะมัวมองออกไปข้างนอกตามที่ถูกชี้นำ
    ที่น่าแปลกในทุกยุคทุกสมัยคือ ในหัวใจคนว่างเปล่า ขาดที่พึ่งจนต้องมีใครบางคนมาเป็นผู้นำ  มอบภาระกิจในชีวิตให้  มอบความหวังว่าจะมีชีวิตที่เป็นสุขยิ่ง  กำหนดศัตรูให้มุ่งไปทำลายจะได้ลืมปัญหาในชีวิตที่ไม่ได้สะสางของตัวเอง เพราะการจัดการกับปัญหาตัวเองต้องใช้ความกล้าหาญเหมือนเปิดแผลสด  การจัดการเรื่องคนอื่นช่วยให้ลืมความจริงที่เจ็บปวดของตัวเองไปชั่วคราว
    จอมมารนักสะกดจิตมวลชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะสร้างความเสียหายมากมาย คือ ฮิตเลอร์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวเยอรมันได้รับความทุกข์ยากลำบาก ยากจน ฮิตเลอร์ ขึ้นเป็นผู้นำโดยการชี้ไปที่แพะรับบาป คือ ชาวยิว ว่าเป็นศัตรูในบ้านที่ต้องทำลาย คนเยอรมันยากจนมีความทุกข์ต้องการเชื่ออยู่แล้วว่าเผ่าพันธ์ของตนเองดีกว่าเหนือกว่าคนอื่น เอาความโกรธแค้นในชีวิต ทุ่มลงไปที่แพะรับบาป คร่าชีวิตชาวยิวไปหลายล้านคน  เหมือนกับที่อิรักถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองด้วยข้อหามีอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเชื้อโรค เด็ก คนแก่ ผู้หญิงตาย บ้านแตกสาแหรกขาด สุดท้ายไม่เจออาวุธอะไรเลย ปกป้องชีวิตตัวเองก็ยังไม่ได้ แต่ผู้นำบางคนชนะการเลือกตั้งไปแล้วด้วยการสร้่างภาพศัตรูที่น่ากลัวให้มวลช  มวลชนหลอกง่าย และลืมง่าย สำหรับพวกจอมมารเสมอ เมื่อใดที่ต้องการปกปิดความไม่ดีของตนเอง ก็อุปโลกน์ศัตรูพร้อมเรื่องราวประกอบที่สร้างความหวาดกลัว ความโกรธแค้นขึ้นมาแล้วหลังจากนั้นก็ปั่นหัวมวลชนได้ตามใจชอบ
เมื่อไร จะเอะใจกันเสียที
     ความเหมือนข้อหนึ่งของเหล่าจอมมาร รวมทั้งฮิตเลอร์ และโวลเดอร์มอร์คือ ตอนเด็กๆ ถูกพ่อแม่ทิ้ง คนเหล่านี้มีแว่นสวมในการมองชีวิต ว่าตนเองถูกรังเกียจไม่เป็นที่รักของพ่อแม่ ประสพความล้มเหลวในบางด้านของชีวิต เลยต้องการสร้างตัวตนใหม่ที่พิเศษ มีบางอย่างเหนือคนอื่น และมีเสน่ห์ดึงดูดใจสาวก พบเห็นได้ในทุกทุกที่ ทั้งในระดับ เพื่อน คนรัก บริษัท ที่ทำงาน สังคม การเมือง ประเทศ แต่ด้วยแรงจูงใจที่ผิด ทำให้เขาลำ้เส้นความถูกต้องดีงาม  ความฉลาดของเขาจึงเป็นภัยกับคนอื่นและตัวเอง
    สิ่งที่น่าสนใจคือ โวลเดอร์มอร์ และแฮร์รี ต่างเป็นลูกกำพร้าเหมือนกันแต่แฮร์รีเลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างสง่างาม เช่นตอนจบเพื่อปกป้องเพื่อน แฮร์รีเดินเข้าไปในป่ายอมสละชีวิตตัวเอง ให้จอมมารฆ่า เพราะวิญญาณส่วนหนึ่งของจอมมารอยู่ในตัวเองถ้าตัวเองไม่ตาย จอมมารก็ไม่ตาย วิญญาณเสี้ยวหนึ่งของจอมมาร หลุดมาติดอยู่ในตัวแฮร์รีตั้งแต่ครั้งที่แฮร์รีถูกจอมมารทำร้ายตอนยังแบเบาะ
    สิ่งที่เป็นจริงเสมอคือ คนไม่ดีที่เข้ามาอยู่ในชีวิตเราได้ เราต้องมีบางส่วนของเขาอยู่ในตัวของเราเอง และหนทางเดียวที่จะสละความไม่บริสุทธิ์อันนั้นออกจากตัวเราได้ไม่ใช่การออกไปโจมตีโต้ตอบ แต่คือการยอมศิโรราบ หยุดเพื่อเรียนรู้เหตุการณ์จริงๆ แม้บางครั้งจะดูเหมือนการยอมยืนนิ่งๆ ให้เขาฆ่า แต่เขาฆ่าเราไม่ได้หรอกสิ่งเดียวที่เขาฆ่าได้คือ ความชั่วร้ายแบบของเขาที่มีอยู่ในตัวเราเองและทันทีที่เราเรียนรู้พอ ความเข้าใจของเราเอานั้นแหละที่เป็นเกราะคุ้มครองป้องกันให้เราปลอดภัย และชีวิตเรายิ่งยกระดับดีขึ้นทุกๆ วันในทุกๆ ทาง
    ในขณะที่อาวุธที่เขาส่งมา กลับไปฆ่าเขาเอง เหมือนที่จอมมารโวลเดอร์มอร์ ตายด้วยคำสาบของตัวเองสะท้อนกลับไปฆ่าตัวเอง ในขณะที่แฮร์รีป้องกันตัวเองด้วยคำสาปปลดอาวุธฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
จักรวาลนี้ปกครองด้วยกฎแห่งความถูกต้องดีงามเสมอ
คุณภาพชีวิตของเรา เรากำหนดเองเสมอ จากคุณภาพของใจเรา
เพื่อนฉันได้ชวนให้ฉันฟังเทศน์ พระอาจารย์สงบ มนัสสันโตท่านเคยอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ จุณโท ซึ่งมรณภาพและอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุทั้งหมด  แล้วเพื่อนฉันก็มาบอกว่ามีลูกศิษย์หลวงปู่เจี๊ยะและหลวงตา ซึ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ชมมาก ให้ไปฟังเสีย เปิดซีดีท่านให้ฉันฟัง ฉันก็ดื้อไม่ยอมฟัง จนอยู่ๆ เมื่อไม่กี่วันนี้ ฉันได้ยินคำสอนของท่านที่คนอื่นเปิดอยู่ แล้วคำสอนต่างๆ ก็ไหลลงสู่ใจ จนซาบซึ้ง ที่เราได้พบครูบาอาจารย์ ท่านไม่ได้อ่อนหวานจนเราเคลิ้ม แต่ตรงกันข้ามท่านเทศน์ไป ด่ากิเลสในตัวเราไปตลอดเวลา คำพูดไม่เพราะ  แต่ทุกคำที่พูดเป็นสัจจะ เป็นความจริง พอเหมาะพอดี
    ขอบคุณแผ่นดินไทยที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน มีครูบาอาจารย์ที่เป็นพระแท้ๆ ของพระศาสนา
    ขอบารมีหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ชา สุภัทโท หลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน คุ้มครองแผ่นดินไทย คุ้มครองพระศาสนา และคุ้มครองประชาชนชาวไทย ให้มีความเห็นถูก รู้รักษาตนให้ปลอดภัย มีปัญญา มีความสุขทุกคนด้วยเทอญ
ฟังคำเทศน์หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ได้ที่ www.sa-ngob.com หรือที่วัดป่าสันติพุทธาราม จ.ราชบุรี