จดหมายจากนักภาวนาคนหนึ่ง ...
เรื่องคนหมดกรรม
ฉัน ติดตามข่าวเรื่องราวความขัดแย้งของสำนักปฏิบัติธรรมสองแห่ง คือ สวนพุทธธรรม-ป่าละอู ของหลวงพ่อมนตรี และสวนสันติธรรม ของหลวงพ่อปราโมทย์ ยอมรับว่าเมื่อได้ทราบข่าวจากสื่อต่างๆระยะแรกฉันงงมาก เพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก..
แต่ พอตั้งสติได้สักพักหนึ่ง ฉันพยายามตั้งจิตให้เป็นกลาง แล้วไปค้นประกาศของสวนพุทธธรรม-ป่าละอู และประกาศจำนวนหลายฉบับของสวนสันติธรรม นำมาทบทวนดูค่อนข้างละเอียด ฉันเริ่มจะลำดับและเห็นภาพต่างๆค่อยกระจ่างขึ้น จากการที่ได้ติดตามผลงานของหลวงพ่อปราโมทย์ในรูปแบบหนังสือและแผ่นซีดี ตั้งแต่สมัยสวนโพธิ์ กาญจนบุรี จนถึงสวนสันติธรรม ชลบุรี มันมีอะไรๆหลายๆอย่างมันขัดๆกันอยู่...
ฉัน ยอมรับว่า ฉันไปฟังธรรมที่สวนสันติธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์บ่อย เพราะสะดวก อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ตลอดจนได้ติดตามผลงานธรรมะทางหนังสือและcd เป็นประจำ ทำให้ทราบปฏิปทาบางอย่างได้ค่อนข้างชัดเจนว่าท่านเป็นสมณะประเภทไหน
สำหรับ สวนพุทธธรรม-ป่าละอู ของหลวงพ่อมนตรีนั้น ประมาณเดือนสองเดือนจะได้ไปสักครั้งเพราะไม่สะดวก เพราะฉันต้องขับรถเอง ฉันเป็นคนไม่ชอบขับรถไกลๆ แต่พอจะแยกแยะปฏิปทาตลอดจนธรรมะของทั้งสองท่านออก ในเรื่องของธรรมะนั้นฉันจะไม่ขอพูดถึง เพราะตัวฉันเองก็ยังไม่แก่กล้าอะไรนัก เพียงแต่เห็นข้อแตกต่างในบางอย่าง สำหรับปฏิปทานั้นตรงกันข้ามกันเลย หลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระของสาธารณะชน ชอบเปิดเผยตัวเอง ส่วนหลวงพ่อมนตรี เป็นพระค่อนข้างปิดตัวเอง ไม่รับเทศน์ ไม่รับกิจนิมนต์นอกสถานที่ เคร่งครัดในพระวินัยและข้อวัตรต่างๆตามแบบฉบับสายพระป่า
ก็ อย่างที่เรียนให้ทราบแต่แรกแล้ว ฉันติดตามข่าวคราวการกระทบกระทั่งของสองสำนักนี้มาตลอด ยิ่งนานวันเข้าฉันได้พบอะไรๆหลายๆอย่างของทางสวนสันติธรรมที่มันขัดกับ ปรากฏการณ์ที่เป็นจริง (ก็อย่างที่บอกไว้แล้ว ฉันมีทั้งหนังสือและแผ่นซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์มาก) ใจของฉันเริ่มไม่ค่อยจะเป็นกลางซะแล้ว แต่ก็พยายามกำหราบตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน คิดอะไรเปรอะเปื้อนมากเพราะยังกลัวนรกอยู่
จน กระทั่งเมื่อไม่นานนี้เอง เหมือนฉันจะหมดเวรหมดกรรม เพื่อนสนิทของฉันได้แนะนำให้ฉันรู้จักผู้ปฏิบัติธรรมรุ่นพี่ท่านหนึ่ง พบครั้งแรกฉันก็เกิดศรัทธาเพราะท่านผู้นั้นมีกิริยาสงบร่มเย็นสมเป็นผู้ปฏิบัติ ท่านเมตตาฉันมากยิ่งรู้ว่าฉันปฏิบัติอยู่ที่สวนสันติธรรม ชลบุรี ดูท่านไม่สบายใจเลย พยายามแนะนำให้ฉันไปหาที่ปฏิบัติใหม่
เมื่อ สนิทคุ้นเคยกันมาก ท่านผู้นั้นก็ได้เล่าให้ฟังว่า ท่านรู้จักกับหลวงพ่อปราโมทย์มาตั้งสามสิบกว่าปีแล้ว สมัยที่หลวงพ่อปราโมทย์ยังทำงานอยู่สำนักนายก แล้วมีผู้หลักผู้ใหญ่วิ่งย้ายให้มาอยู่องค์การโทรศัพท์ เพราะเงินเดือนดีกว่าที่เก่า เรียกได้ว่าท่านผู้นี้เป็นศิษย์รุ่นแรกของหลวงพ่อปราโมทย์ก็ว่าได้ โดยคณะของท่านมีอยู่หลายคนที่เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน
แล้ว ในที่สุดก็แพแตก ลูกศิษย์เก่าๆเหล่านั้นแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศละทาง บอบช้ำผิดหวังกันโดยทั่วหน้า (ฉันต้องขออภัยที่ไม่อาจจะถ่ายทอดสิ่งที่ได้ยินได้ฟังสู่สาธารณะชนได้ มันสลดสังเวชใจเกินจะเขียนถึง)
บัดนี้ ฉันหมดเคราะห์กรรมแล้ว... ฉันกระจ่างแล้ว...ฉันหายสงสัยแล้ว...ฉันตาสว่างแล้ว... และโดยเฉพาะเมื่อเร็วๆนี้ ฉันได้อ่านคำเทศน์ของพระเหนือโลกอย่างหลวงตามหาบัว เรื่องพระอรหันต์นกหวีด ฉันหมดความเคลือบแคลง... หมดความลังเล หมดข้อสงสัยทั้งสิ้นทั้งปวงในตัวหลวงพ่อปราโมทย์
พระเดชพระคุณหลวงตามหาบัวท่านโปรดสัตว์ที่มืดบอดอย่างฉันให้ได้ตื่นขึ้นมาพบกับ ความเป็นจริง ฉันเกิดสลดสังเวชและสงสารตัวเองอย่างยิ่ง ฉันหลงทางและหลงผิดมองเห็นเศษกระเบื้องเป็นทองคำไป ยิ่งฉันได้มีโอกาสได้ฟังคำบอกเล่าของบุคคลสำคัญที่เป็นคณะกรรมการระดับหัว แถวของสวนสันติธรรมที่ลาออก เล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมของบุคคลที่เพียรพยายามจะชี้แจง ชักจูง ให้สาธุชน ศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ให้เข้าใจว่าตัวเป็นพระอริยบุคคลจบกิจแล้ว ฉันยิ่งสลดสังเวช สงสารพระศาสนาอย่างบอกไม่ถูก
ฉัน รู้ดีว่ามีอีกหลายๆท่านมีความระแวงสงสัยในพฤติกรรมต่างๆ แต่เพราะพวกท่านถูกกฏเหล็กของความเป็นพระอรหันต์มัดใจมัดปากไว้ จึงไม่กล้าคิด...ไม่กล้าพูด เพราะถูกขู่ไว้ว่าถ้าคิดไม่ดีกับอาจารย์จะภาวนาไม่ขึ้น...โธ่น่าสงสาร!!
ท่าน ไปหาอ่านหรือหาฟังเทศน์ของหลวงตาท่านเรื่อง "อรหันต์นกหวีด" ซะไวๆเถิด จะได้หมดเวรหมดกรรมอย่างฉัน พระเหนือโลกอย่างหลวงตามหาบัว ท่านต้องพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วว่า ยุคนี้มหันตภัยแบบนี้มักจะเกิดขึ้นกับพระศาสนา ท่านจึงต้องยอมสละเวลาออกโปรดสัตว์!
ตื่น เถิดชาวพุทธ... ตื่นขึ้นมาพบและยอมรับความจริงกันเถิด ยังไม่สายหรอก อย่ามัวไปตาม"เงา"ของจิตอยู่เลย ปฏิบัติอีกสิบชาติก็ยังไม่เห็นเงาพระนิพพานหรอก!!!
-คนหมดกรรม
จดหมายฉบับนี้ มีผู้ที่เห็นด้วยกับ Antiwimutti ส่งมาให้
ทางทีมงานได้ตรวจสอบถึงบุคคลหลายคนที่ถูกอ้างถึงในจดหมาย พบว่ามีตัวตนจริง และถูกต้องตามเนื้อความ จึงนำมาลงไว้ ณ ที่นี้
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศิษย์ลานธรรมเก่าๆ เพื่อนรวมงานที่องค์การโทรศัพท์ หรือ กรรมการที่ลาออกไป หรือที่ info@antiwimutti.net
