เข็มทิศชีวิต ข้อคิดจากแฮร์รี่ พ๊อตเตอร์
ฉันชอบอ่านหนังสือ แฮร์รี พอตเตอร์ ทั้งที่อ่านไปแล้วหลายรอบ เพราะเล่าให้ลูกฟังทีไรลูกก็ชอบทุกที
ฉันติดใจคำพูดหลายประโยคในแฮร์รี พอตเตอร์ เช่น ตอนที่คนเริ่มรู้ความจริงว่าโวลเดอร์มอร์ หรือจอมมารกลับมาแล้ว ทั้งที่แฮร์รี พยายามบอกมาตลอดว่านั่นคือจอมมาร แต่ไม่เคยมีใครเชื่อ รอนบอกแฮร์รี่ว่า ‘มันง่ายกว่าที่คนจะให้อภัยคนผิด แต่มันยากกว่าที่คนจะให้อภัยคนที่ถูก’
ผู้คนอยากเชื่อในสิ่งที่เขาต้องการจะเชื่อ แล้วเขาไม่ได้ชอบที่ใครเอาความจริงไปให้เขาดูเพื่อให้เขาต้องสละความเชื่อที่ยึดไว้แน่นเหนียว และเมื่อถึงเวลาที่ความจริงทุกอย่างปรากฏจนเขาต้องยอมรับความจริง เขาก็ยังแอบไม่ชอบใจ ด้วยความรู้สึกว่าถ้าไม่มีใครชี้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องปรากฏออกมา ทุกคนจะได้มีชีวิตอย่างสงบสุขปลอมๆเหมือนเดิม
คนมากมายชอบหลอกตัวเองไม่มีใครหลอกใครได้นอกจากเจ้าตัวจะหลอกตัวเองก่อนจนยอมให้คนอื่นมาหลอกตัวเองได้ เราเองต้องมีความต้องการลับๆบางอย่างที่ทำให้เราอยากเชื่อสิ่งนั้นเช่นถูกหลอกว่าลงทุนแบบนี้ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนเยอะ ได้แน่ๆมีคนได้ให้เห็นกันตลอด ในชีวิตคนเราการพลาดแต่ละครั้งคือเวลาที่เราเอาความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองไปไว้ที่คนอื่น อยากได้สิ่งที่ต้องการ โดยมีใครสักคนมารับผิดชอบว่าเราจะได้รับสิ่งที่เราต้องการ ไม่ว่าจะด้วยคำอ้างสวยๆว่า " รัก ศรัทธา ไว้ใจ เชื่อ" หรือ อะไรก็ตาม การลดความรับผิดชอบต่อตัวเองลง ฝากชีวิตไว้ที่คนอื่นทำให้เรา ไม่สามารถเห็นความจริง ความไม่ดีของเขาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเราตลอดมา
ในเรื่องแฮร์รี พอตเตอร์ จอมมารโวลเดอร์มอร์ ชักนำให้เหล่าพ่อมดเชื่อตามตัวเอง มีสาวกศรัทธาเป็นจำนวนมาก พร้อมที่จะออกไปทำลายผู้อื่นที่ไม่ศรัทธาจอมมารของตน วิธีของเหล่าจอมมารในทุกยุคทุกสมัย คือการสร้างความเชื่อในแนวทางใหม่ที่ตนเองนำเสนอ จอมมารส่งสาวกซึ่งมีชื่อเรียกว่า เหล่าผู้เสพความตาย ออกไปทำให้ทุกคนเชื่อและเข้ามาเป็นพวกจอมมาร ใครไม่เชื่อ ถ้าไม่ถูกทำร้ายฆ่าตาย ก็ถูกจำกัดพื้นที่ในสังคม ให้มีเหลือแต่พ่อมดเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น แต่ที่น่าตลกคือ ตัวจอมมารโวลเดอร์มอร์ เองนั่นแหละที่เป็นพวกเลือดผสมไม่ได้เป็นเลือดบริสุทธิ์ คนยังลืมมองเห็น มองไม่ออกว่าตัวผู้นำชั่วยังไง เพราะมัวมองออกไปข้างนอกตามที่ถูกชี้นำ
ที่น่าแปลกในทุกยุคทุกสมัยคือ ในหัวใจคนว่างเปล่า ขาดที่พึ่งจนต้องมีใครบางคนมาเป็นผู้นำ มอบภาระกิจในชีวิตให้ มอบความหวังว่าจะมีชีวิตที่เป็นสุขยิ่ง กำหนดศัตรูให้มุ่งไปทำลายจะได้ลืมปัญหาในชีวิตที่ไม่ได้สะสางของตัวเอง เพราะการจัดการกับปัญหาตัวเองต้องใช้ความกล้าหาญเหมือนเปิดแผลสด การจัดการเรื่องคนอื่นช่วยให้ลืมความจริงที่เจ็บปวดของตัวเองไปชั่วคราว
จอมมารนักสะกดจิตมวลชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะสร้างความเสียหายมากมาย คือ ฮิตเลอร์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวเยอรมันได้รับความทุกข์ยากลำบาก ยากจน ฮิตเลอร์ ขึ้นเป็นผู้นำโดยการชี้ไปที่แพะรับบาป คือ ชาวยิว ว่าเป็นศัตรูในบ้านที่ต้องทำลาย คนเยอรมันยากจนมีความทุกข์ต้องการเชื่ออยู่แล้วว่าเผ่าพันธ์ของตนเองดีกว่าเหนือกว่าคนอื่น เอาความโกรธแค้นในชีวิต ทุ่มลงไปที่แพะรับบาป คร่าชีวิตชาวยิวไปหลายล้านคน เหมือนกับที่อิรักถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองด้วยข้อหามีอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเชื้อโรค เด็ก คนแก่ ผู้หญิงตาย บ้านแตกสาแหรกขาด สุดท้ายไม่เจออาวุธอะไรเลย ปกป้องชีวิตตัวเองก็ยังไม่ได้ แต่ผู้นำบางคนชนะการเลือกตั้งไปแล้วด้วยการสร้่างภาพศัตรูที่น่ากลัวให้มวลช มวลชนหลอกง่าย และลืมง่าย สำหรับพวกจอมมารเสมอ เมื่อใดที่ต้องการปกปิดความไม่ดีของตนเอง ก็อุปโลกน์ศัตรูพร้อมเรื่องราวประกอบที่สร้างความหวาดกลัว ความโกรธแค้นขึ้นมาแล้วหลังจากนั้นก็ปั่นหัวมวลชนได้ตามใจชอบ
เมื่อไร จะเอะใจกันเสียที
ความเหมือนข้อหนึ่งของเหล่าจอมมาร รวมทั้งฮิตเลอร์ และโวลเดอร์มอร์คือ ตอนเด็กๆ ถูกพ่อแม่ทิ้ง คนเหล่านี้มีแว่นสวมในการมองชีวิต ว่าตนเองถูกรังเกียจไม่เป็นที่รักของพ่อแม่ ประสพความล้มเหลวในบางด้านของชีวิต เลยต้องการสร้างตัวตนใหม่ที่พิเศษ มีบางอย่างเหนือคนอื่น และมีเสน่ห์ดึงดูดใจสาวก พบเห็นได้ในทุกทุกที่ ทั้งในระดับ เพื่อน คนรัก บริษัท ที่ทำงาน สังคม การเมือง ประเทศ แต่ด้วยแรงจูงใจที่ผิด ทำให้เขาลำ้เส้นความถูกต้องดีงาม ความฉลาดของเขาจึงเป็นภัยกับคนอื่นและตัวเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือ โวลเดอร์มอร์ และแฮร์รี ต่างเป็นลูกกำพร้าเหมือนกันแต่แฮร์รีเลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างสง่างาม เช่นตอนจบเพื่อปกป้องเพื่อน แฮร์รีเดินเข้าไปในป่ายอมสละชีวิตตัวเอง ให้จอมมารฆ่า เพราะวิญญาณส่วนหนึ่งของจอมมารอยู่ในตัวเองถ้าตัวเองไม่ตาย จอมมารก็ไม่ตาย วิญญาณเสี้ยวหนึ่งของจอมมาร หลุดมาติดอยู่ในตัวแฮร์รีตั้งแต่ครั้งที่แฮร์รีถูกจอมมารทำร้ายตอนยังแบเบาะ
สิ่งที่เป็นจริงเสมอคือ คนไม่ดีที่เข้ามาอยู่ในชีวิตเราได้ เราต้องมีบางส่วนของเขาอยู่ในตัวของเราเอง และหนทางเดียวที่จะสละความไม่บริสุทธิ์อันนั้นออกจากตัวเราได้ไม่ใช่การออกไปโจมตีโต้ตอบ แต่คือการยอมศิโรราบ หยุดเพื่อเรียนรู้เหตุการณ์จริงๆ แม้บางครั้งจะดูเหมือนการยอมยืนนิ่งๆ ให้เขาฆ่า แต่เขาฆ่าเราไม่ได้หรอกสิ่งเดียวที่เขาฆ่าได้คือ ความชั่วร้ายแบบของเขาที่มีอยู่ในตัวเราเองและทันทีที่เราเรียนรู้พอ ความเข้าใจของเราเอานั้นแหละที่เป็นเกราะคุ้มครองป้องกันให้เราปลอดภัย และชีวิตเรายิ่งยกระดับดีขึ้นทุกๆ วันในทุกๆ ทาง
ในขณะที่อาวุธที่เขาส่งมา กลับไปฆ่าเขาเอง เหมือนที่จอมมารโวลเดอร์มอร์ ตายด้วยคำสาบของตัวเองสะท้อนกลับไปฆ่าตัวเอง ในขณะที่แฮร์รีป้องกันตัวเองด้วยคำสาปปลดอาวุธฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
จักรวาลนี้ปกครองด้วยกฎแห่งความถูกต้องดีงามเสมอ
คุณภาพชีวิตของเรา เรากำหนดเองเสมอ จากคุณภาพของใจเรา
เพื่อนฉันได้ชวนให้ฉันฟังเทศน์ พระอาจารย์สงบ มนัสสันโตท่านเคยอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ จุณโท ซึ่งมรณภาพและอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุทั้งหมด แล้วเพื่อนฉันก็มาบอกว่ามีลูกศิษย์หลวงปู่เจี๊ยะและหลวงตา ซึ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ชมมาก ให้ไปฟังเสีย เปิดซีดีท่านให้ฉันฟัง ฉันก็ดื้อไม่ยอมฟัง จนอยู่ๆ เมื่อไม่กี่วันนี้ ฉันได้ยินคำสอนของท่านที่คนอื่นเปิดอยู่ แล้วคำสอนต่างๆ ก็ไหลลงสู่ใจ จนซาบซึ้ง ที่เราได้พบครูบาอาจารย์ ท่านไม่ได้อ่อนหวานจนเราเคลิ้ม แต่ตรงกันข้ามท่านเทศน์ไป ด่ากิเลสในตัวเราไปตลอดเวลา คำพูดไม่เพราะ แต่ทุกคำที่พูดเป็นสัจจะ เป็นความจริง พอเหมาะพอดี
ขอบคุณแผ่นดินไทยที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน มีครูบาอาจารย์ที่เป็นพระแท้ๆ ของพระศาสนา
ขอบารมีหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ชา สุภัทโท หลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน คุ้มครองแผ่นดินไทย คุ้มครองพระศาสนา และคุ้มครองประชาชนชาวไทย ให้มีความเห็นถูก รู้รักษาตนให้ปลอดภัย มีปัญญา มีความสุขทุกคนด้วยเทอญ
ฟังคำเทศน์หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ได้ที่ www.sa-ngob.com หรือที่วัดป่าสันติพุทธาราม จ.ราชบุรี