เปิดโปงเทศนาคุณไสย โดยพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช (มิถุนายน ๒๕๕๓)

เปิดโปงเทศนาคุณไสย โดยพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ที่ไหนมีความจริง ที่นั่นมีคุณไสย
ขอขอบคุณไฟล์เสียง จาก www.kammathan.com
ท่านสามารถอ่านบทวิเคราะห์เพิ่มได้ที่ www.kammathan.com

        ตามที่เว็บแอนตี้วิมุตติดอทเน็ทได้ทำการเสนอเรื่องราวความเป็นมาของวิกฤติการณ์ต่างๆ อันเป็นเหตุให้พระปราโมทย์ ปาโมฺชโช แห่งสวนสันติธรรม ต้องออกมาแก้ตัวกันอย่างพัลวัน ทั้งเรื่องการกล่่าวอ้างความสนิทสนมฉันท์พี่ชายน้องชายกับหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร แห่งสวนพุทธธรรมป่าละอู, เรื่องการยุติการเผยแพร่คำสอน สื่อการสอน ทั้งหนังสือ, ซีดี, กิจนิมนต์ ของบ้านอารีย์ และ สำนักพิมพ์ DMG, อีกทั้งการลาออกของกรรมการ อีก ๔ ท่าน (รวมทั้งบ้านอารีย์และสำนักพิมพ์ DMG แล้วเป็น ๖ ท่าน) ในเวลาใกล้ๆกัน

        เหตุการณ์นี้นับเป็นเรื่องใหญ่ และ สั่นคลอนศรัทธาของสาธุชนศิษย์สวนสันติธรรมเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทิ้งช่องว่าง ความสับสน ความสงสัย และหลายๆคำถามไว้ในใจ ที่คงไม่มีทางที่จะหาคำตอบได้ง่ายๆ และคนที่จะตอบคำถามเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี คงไม่มีใครนอกเสียจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่เป็นประธานของสวนสันติธรรม และบุคคลที่เกี่ยวข้อง คำถามเช่น

๑. ทั้งๆที่หลวงพ่อปราโมทย์นั้น มักกล่าวอ้างความสนิทกับหลวงพ่อมนตรีมาเสมอ ตั้งแต่ยังไม่บวช ทั้งพูดออกไมค์ตอนเทศน์ ทั้งพูดกับศิษย์หลังไมค์ พูดไปทั่ว ดั่งที่มีหลักฐาน แต่แล้วทำไม หลวงพ่อมนตรีท่านกลับปฏิเสธ ตัดบัวไม่เหลือใย ทั้งประกาศจากป่าละอูอีเมลล์ ๓ ฉบับ และ ที่สำคัญ วันนัดพบ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๓ ซึ่งบอกได้เลยว่า ทางสวนพุทธธรรมได้ตอบปัญหาที่คาใจสาธุชน ได้อย่างหายสงสัย “ในส่วนของสวนพุทธธรรม” แล้ว “ในส่วนของพระปราโมทย์” เล่า 

ท่านได้มีคำตอบให้แก่สาธุชนไว้ว่าอย่างไร ว่าเพราะเหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนั้น? 

๒. เรื่องของบ้านอารีย์ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในองค์กรที่ได้เผยแพร่สื่อธรรมะของพระปราโมทย์อย่างแข็งขันมาโดยตลอด ทั้งหนังสือ ซีดี กิจนิมนต์ และเป็นสถานที่ให้ “ผู้ที่ได้รับการยอมรับให้สอนได้” จากพระปราโมทย์ มาสอนศิษย์ต่างๆมากมาย โดยการสอนนั้นก็ไม่ได้ผิดแปลกไปจากเจ้าสำนักนัก คือการใช้วิธี “เดาจิต” เป็นอาวุธคู่กายทำให้ตนเองดูราวกับเป็นผู้วิเศษในสายตาคนอื่น แต่เหตุใดอยู่ดีๆ จึงมีประกาศจากบ้านอารีย์ ขอยกเลิกการเผยแพร่สื่อธรรมะ และ กิจนิมนต์ ของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช อย่างไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้มาก่อน เพราะบ้านอารีย์นั้น แทบจะเรียกได้ว่าศรัทธาหลวงพ่อปราโมทย์อย่างมาก และการที่ได้ต้อนรับ”พระอรหันต์” มาเทศน์ที่องค์กรของตนอยู่เป็นนิจนั้น ก็นับว่าเป็นสิริมงคลและเป็นที่ปรารถณาของพุทธศาสนิกชนทุกๆคนมิใช่หรือ แล้วทำไม่ถึงยกเลิกเสีย หรือเขาจะรู้ “ความจริง” อะไรเข้า ที่สามารถทำให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วพริบตา ข้อสงสัยต่างๆนี้ก็ถูกเปิดเผยต่อมาในประกาศบ้านอารีย์ฉบับที่๒ แต่บอกได้เลยว่า “มันแค่ส่วนหนึ่ง” ที่สามารถพูดออกมาได้เท่านั้น ยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องพูดเป็น ”การลับๆ” เพราะอาจจะถูกรุมยำจากสาวกสวนสันติธรรมได้ แต่ประกาศฉบับนั้นก็ได้ตอบคำถามหลายๆคนให้หายสงสัยกัน แล้ว “ในส่วนของพระปราโมทย์” เล่า

ท่านได้มีคำตอบให้แก่สาธุชนไว้ว่าอย่างไร ว่าเพราะเหตุใดคนบ้านอารีย์ถึงมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป? 

๓. เรื่องกรรมการสวนสันติธรรม ๔ ท่านได้ลาออกและหายหน้าไปจากสวนสันติธรรม และเข็ดขยาดถึงขนาดขอให้อย่าได้เจอกันอีกเลยทั้งชาตินี้ชาติหน้า ทำไมกรรมการที่มีทั้งชื่อเสียง เงินทอง และที่สำคัญคือ ศรัทธาในพุทธศาสนาเเป็นอย่างมาก ถึงได้เปลี่ยนใจกันในชั่วพริบตา ทั้งๆที่ก็คอยดูแลช่วยเหลืออยู่ตลอดทั้งเงินทั้งแรงในการเผยแพร่ธรรมะของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโชมาหลายปีดีดัก การที่ได้ช่วยเผยแพร่ “ธรรมแท้” และ การได้อยู่ใกล้ชิด “พระอรหันต์” ก็น่าจะเป็นที่พอใจแก่พุทธศาสนิกชนผู้ที่ีศรัทธาอย่างแรงกล้ามิใช่หรือ น่าจะเป็นที่”อิจฉา”แก่ผู้คนส่วนมาก พร้อมทั้งได้หน้าได้ตา ได้เกรียติยกย่องกันในหมู่ชาวสวนสันติธรรมไม่ใช่หรือ แล้วทำไมท่านเหล่านั้นถึงพร้อมใจกันทิ้งพร้อมๆกันถึง ๔ คน หรือท่านเหล่านั้นไปรู้ “ความจริง”อะไรเข้าถึงได้ขยาดถึงไม่อยากแม้แต่จะย่างกายไปสวนสันติธรรมอีกเลย หากเป็นไปตามที่บอกว่า “ติดภาระกิจการงาน” อย่างในจดหมายลาออกบอก ก็น่าจะเห็นหน้าค่าตาแวะเวียนไปทำบุญไปคุยกับหลวงพ่อปราโมทย์บ้างมิใช่หรือ แต่ใยลาแล้วลาลับไม่กลับมา “ความจริง”ที่รู้คงจะมีอนุภาพแรงมากๆ ถึงกับเปลี่ยนจากคนที่ศรัทธามากๆ มากลายเป็นคนที่เข้าหน้ากันไม่ติด ซึ่งเรื่องนี้หนึ่งในกรรมการคือคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์โพสทูเดย์ไม่นานนักหลังเกิดเรื่อง ในหัวข้อเรื่อง “ภิกษุมหาโจร” ซึ่งก็ได้ให้คำตอบกับสาธุชนเป็นนัยๆ ถึงแม้จะไม่ระบุเจาะจงว่ากล่าวถึงใคร แต่ทุกๆคนก็ทราบกันดีว่า “ใคร” ที่คุณดนัยต้องการจะสื่อถึง และ ต้องการจะบอกอะไร แล้ว “ในส่วนของพระปราโมทย์” เล่า

ท่านได้มีคำตอบให้แก่สาธุชนไว้ว่าอย่างไร ว่าเพราะเหตุใดคนกลุ่มนี้ถึงมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป?

๔. เรื่องที่มีศิษย์ทั้งใกล้ชิด ทั้งไม่ใกล้ชิด ทั้งที่เคยเป็น“ผู้ที่ได้รับการยอมรับให้สอนได้” และ ผู้ที่เป็นแค่นักเรียนแต่เห็นหน้าได้บ่อยๆทั้งที่ ศาลาลุงชิน สวนสันติธรรม และ บ้านอารีย์ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ตีตัวออกห่าง สวนสันติธรรม, พระปราโมทย์ และ วิธีการฝึกสายนี้กันเป็นแถว มีทั้งที่เดินออกมาเงียบๆ ไม่บอกใคร กับ เมื่ิอรู้”ความจริง”แล้วพยายามบอกกล่าว เตือนเพื่อน ญาติ และเพื่อนร่วมโลกให้คอยระวังกันให้ดี คนเหล่านี้ส่วนมากรู้สึกตัวจากหลักฐานต่างๆที่ชี้ชัดว่าพระปราโมทย์นั้นเป็นพระโกหก เช่น ประกาศป่าละอู, คลิปไฟล์เสียงต่างๆ, พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปขององค์กรและบุคคลใกล้ชิด เมื่อเกิดเอะใจขึ้นก็เริ่มค้นคว้าหาความจริงโดยไปสอบถามจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งพระและฆราวาส เมื่อคนกลุ่มนี้ออกมาบอกกล่าวกับสาธุชนทั่วไปถึงความจริงพร้อมหลักฐานต่างๆ ก็ทำให้หายสงสัยไปว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหว แล้ว ่ “ในส่วนของพระปราโมทย์” เล่า 

ท่านได้มีคำตอบให้แก่สาธุชนไว้ว่าอย่างไร ว่าเพราะเหตุใดคนกลุ่มนี้ถึงมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป?

ทางเว็บเราได้รับอีเมลล์มาฉบับหนึ่ง ซึ่งจะให้คำตอบ “ในส่วนของพระปราโมทย์” ที่พระปราโมทย์ได้ตอบคำถาม ว่าทำไมบุคลลกลุ่มดังกล่าวถึงมี ความคิดเห็น และ พฤติกรรม ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

อีเมลล์นี้ได้แนะนำอีกหนึ่งเว็บไซด์ที่ให้ข้อมูลในเชิงวิเคราะห์ในคำพูดคำสอน ของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช ซึี่งทางเว็บแอนตี้วิมุตติดอทเน็ท ได้ตรวจสอบแล้ว และ ยืนยันความถูกต้องของ “คลิป” ดังกล่าว ซึ่งเป็น “คลิป” ที่แม้แต่สวนสันติธรรม และ พระปราโมทย์ก็ไม่อยากเผยแพร่และตามลบกันจาระหวั่นในอินเตอร์เน็ท

ทางเว็บแอนตี้วิมุตติ ขออนุโมทนากับผู้ทำเว็บ www.kammathan.com ที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาอีกแรง

เชิญอ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ที่ www.kammathan.com