คำชี้แจงของสวนสันติธรรมฉบับที่ ๓
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพ่อมนตรีกับหลวงพ่อปราโมทย์
(๒) แอบอ้างว่าการจัดสร้างสวนสันติธรรมเป็นดำริเริ่มต้น
ของหลวงพ่อมนตรี และต่อมาได้รับการพิสูจน์ภายหลังว่าไม่เป็นความจริง
2. กรณีแอบอ้างว่าหลวงพ่อมนตรีเป็นผู้ริเริ่มให้สร้างสันติธรรม
๒.๒ เมื่อหลวงพ่อปราโมทย์เดินทางไปถึงสวนพุทธธรรม
ก็พบว่า หลวงพ่อมนตรีมีบัญชาให้พระหลายรูปมารอต้อนรับที่ลานจอดรถ แล้วนำขึ้นไปที่ศาลาหินอ่อนบนเขา ซึ่งในขณะนั้นมีญาติโยมนั่งอยู่หลายคน
(พร้อมจะเป็นพยานในเรื่องนี้ได้)
และเมื่อหลวงพ่อปราโมทย์กราบถวายสักการะ และเรียกท่านว่า
“พระอาจารย์” ท่านก็ให้เรียกใหม่ว่า “หลวงพี่”
หลวงพ่อปราโมทย์จึงกราบเรียนถามว่า “หลวงพี่จะให้ผมไปอยู่ที่ไหน”
ท่านตอบทันทีว่า “ให้ไปอยู่ชลบุรี” หลวงพ่อปราโมทย์ก็รับว่าจะไปอยู่ตามนั้น
ท่านก็มอบให้หญิงนั้นเป็นแกนกลางในการก่อสร้าง โดยบอกญาติโยมในที่นั้น
และบอกในเวลาต่อมาอีกหลายวาระ ให้ไปช่วยกันก่อสร้าง
ซึ่งเรื่องนี้มีพยานบุคคลเป็นจำนวนมาก








อีเมลล์ฉบับที่ ๑
จากคุณไกรศร ผู้นำสารจากหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร
หมายเหตุ: ทางเว็บ antiwimutti มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับสวนพุทธธรรมป่าละอู
หรือ หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร แต่อย่างใด เพียงแต่นำอีเมลล์มาเผยแพร่เท่านั้น
สวัสดีครับ ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับที่หายไปนาน
เนื่องจากในการประกาศครั้งแรกนั้น เนื่องจากหลวงพ่อมนตรีท่านไม่ต้องการให้มีผลกระทบในวงกว้าง จึงไม่สะดวกที่จะชี้แจงรายละเอียดนัก แต่เนื่องจากขณะนี้ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง และมีข่าวลือค่อนข้างมาก ทางวัดฯจึงเห็นควรต้องชี้แจงเพิ่มครับ
ผมขออนุญาตตัดแปะเนื้อหามาจากฉบับที่มีผู้ถามมาก่อนหน้านี้นะครับ .... เนื่องจากคงเป็นจุดที่อยากให้ชี้แจงคงคล้ายๆกัน ใจความสําคัญทั้งหมดในจดหมายนี้ ได้ถูกสอบทานและนําเสนอหลวงพ่อมนตรีท่านแล้ว
เนื่องจากผมได้ทราบว่ามีผู้มีความสงสัยและต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศสวนพุทธธรรมนี้ค่อนข้าง มาก และผมคงไม่สามารถชี้แจงได้โดยตรงทุกท่าน ดังนั้น หากจะกรุณาส่งต่อหรือ forward email ฉบับนี้ไปยังผู้ที่ ต้องการทราบรายละเอียดแทนผม จักเป็นพระคุณยิ่งครับ
และหากมีข้อสงสัย หรือต้องการติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถ email กลับมาได้ที่kraisorn9945@hotmail.com ครับ
1) ก่อนอื่น ผมรบกวนถามได้มั๊ยครับว่า คุณ kraisorn มีส่วนเกี่ยวข้องในทางใดกับทางสวนพุทธธรรม ป่าละอูครับ และ ได้รับมอบหมาย
โดยตรงให้นําประกาศฉบับนี้เผยแพร่รึเปล่า
หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโรท่านได้มีความกรุณามอบหมายให้ผมเป็นตัวแทนท่านและสวนพุทธธรรม-ป่าละอู ในการนําประกาศลงและชี้แจงรายละเอียดแทนองค์ท่านครับ และสําหรับผู้ที่ต้องการสอบทานความถูกต้องของเนื้อหา ก็สามารถติดต่อหรือเดินทางไปทางวัดเพื่อสอบถามกับท่านได้โดยตรงครับ
2) ประกาศฉบับนี้เป็นดําริของหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร โดยตรงเลยรึเปล่าครับ
ใช่ครับ
หรือว่าความจริง จริงๆแล้ว คือ หลวงพ่อมนตรี ไม่ขอยุ่งเกี่ยว กับหลวงพ่อปราโมทย์อย่างเป็นทางการครับเพราะหลวงพ่อปราโมทย์สอนผิดอย่างรุนแรง สอนผิดพุทธพจน์์ วิธีการผิดอย่างสิ้นเชิง จึงไม่ขอร่วมยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์ (อันนี้คือส่วนใหญ่ของฝ่ายโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์ มักจะพูดในทํานองนี้)
นําไปสู่ประกาศของป่าละอูถึงสวนสันติธรรม
กรณีนี้เป็นความจริงครับ แต่เนื่องจากหลวงพ่อมนตรีท่านไม่มีความต้องการกล่าววิจารณ์หรือตัดสินชี้ผิดถูกในคําสอน หรือวิธีการสอนของท่านอาจารย์อื่นๆ ท่านจึงไม่เคยกล่าวเรื่องนี้ออกมาชัดเจนนัก เพียงแต่ท่านมักแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนต่อญาติโยมว่า การทักวาระ จิตนั้น เป็นสิ่งที่ท่านไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะผิดวินัยสงฆ์ จนกระทั่งช่วงหลังได้มีการวิพากษ์วิจารณ์และสอบทานถึงเรื่องคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ไปยังครูบาอาจารย์สายวิปัสนากัมมัฏฐานองค์สําคัญรวมไม่ต่ำกว่า 3-4 ท่านได้กรุณาชี้แจงเรื่องนี้อย่างชัดเจนขึ้นอย่างไม่มีมาก่อน โดยลงความเห็นในลักษณะเดียวกันว่า การสอนเช่นนี้ เป็นการตามดูเงาของจิต ไม่สามารถถอดถอนกิเลสได้จริง
หลวงพ่อมนตรีท่านจึงได้เริ่มยืนยันต่อญาติโยมหลายๆท่านว่า ท่านก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักสําคัญที่นํามาซึ่งออกประกาศ เป็นผลมาจากการขยายการกล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพ่อปราโมทย์และหลวงพ่อมนตรีในลักษณะที่ชักจูงให้ผู้ฟังเห็นไปเองว่า ท่านทั้งสองมีความสนิทสนมกลมเกลียวกันมาก ทั้งๆที่ไม่มีความสัมพันธ์ดังกล่าวอยู่จริง ในลักษณะที่บางท่านอาจเรียกได้ว่า "แอบอ้าง" จนเป็นเหตุให้หลวงพ่อมนตรีท่านต้องเพียรพยายามกล่าวปฏิเสธทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอด 10 ปีที่ผ่านมาครับ
----
1) จากการที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ได้มีความเพียรพยายามอ้างถึงความเกี่ยวพันกับ หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร (ผู้เป็นศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล) และสวนพุทธธรรม-ป่าละอู ในลักษณะศิษย์พี่ศิษย์น้อง และวัดพี่วัดน้อง อย่างต่อเนื่อง (ผู้เป็นศิษย์อาวุโสของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล) และสวนพุทธธรรม-ป่าละอู ในลักษณะศิษย์พี่ศิษย์น้อง และวัดพี่วัดน้อง อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในรูปของคําพูดและข้อเขียน
ตามที่แแจ้งมานี้ผมไม่ทราบข้อเท็จจริง (1) หลวงพ่อปราโมทย์มีความพยายามเช่นนั้นจริงหรือไม่ (ดูหลักฐานคำพูดอวดอ้างได้ที่นี่)
เป็นความจริงครับ และมีอย่างต่อเนื่องไม่ต่ํากว่า 10 ปีแล้วครับ กลุ่มผู้ที่ทราบดีที่สุดคงเป็น กลุ่มศิษย์ ชาวลานธรรมรุ่นเก่าๆในช่วงที่หลวงพ่อปราโมทย์ยังเป็นโยมอยู่ซึ่งมีหลายร้อยคน (ผมเองขณะนั้นก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย) ทุกท่านจะมีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า หลวงพ่อปราโมทย์ท่านสนิทกับหลวงพ่อมนตรี และท่านแม่ชีอุไร ชมแขไข ราวกับเป็นพี่ชายและน้องชาย จากการบอกเล่าทั้งทางตรงและทางอ้อมของหลวงพ่อปราโมทย์ท่านเอง และการบอกเล่า-กล่าวถึงนี้ยังมีมาต่อเนื่องจนถึงก่อนออกประกาศครับ
ในขณะเดียวกัน หากท่านใดได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงพ่อมนตรี หรือท่านแม่ชีอุไร ในช่วงตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว มา (ผมเองได้มีโอกาสเข้าไปกราบท่านครั้งแรกประมาณปี
) จะพบว่า ท่านทั้งสองได้ปฏิเสธข้อเท็จจริงดัง กล่าวผ่านทางญาติโยมที่ไปกราบเยี่ยม โดยเฉพาะชาวลานธรรม และชาวสวนสันติธรรม อย่างต่อเนื่องตลอดมา คําพูดที่ผมเองเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่พอจําได้ก็มี เช่น
"ช่วยไปบอกท่านปราโมทย์ด้วยนะ ว่าต่อไปอย่ากล่าวถึงอาตมาอีก เพราะอาตมาไม่ได้คุ้นเคยกับท่านอย่างนั้น" "ปราโมทย์นี่ แม่ไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกับเขานะ ตอนสมัยหลวงปู่ดูลย์ก็ไม่เคยเห็น แต่เขาอาจไปทําบุญช่วงที่แม่ไม่อยู่ก็ได้ แม่ไม่รู้" ฯลฯ
นอกจากนั้น หลวงพ่อมนตรียังได้กรุณาเล่าให้คนในสวนพุทธธรรมฟังว่า ท่านเคยพบหรือเห็นหลวงพ่อปราโมทย์ช่วงยังเป็นฆราวาสเป็นบางกรณี แต่ไม่ได้คุ้นเคยหรือเสวนากัน (เท่าที่ผมทราบ หลวงพ่อปราโมทย์สมัยเป็นฆราวาสเคยพบหลวงพ่อมนตรีที่งานพิธีที่บ้านโยมอุปปัฏฐากท่านหนึ่ง และเคยไปกราบนมัสการหลวงพ่อมนตรีที่ป่าละอูเพียง 2-3 ครั้ง เป็นระยะเวลาสั้นๆ)
ส่วนประเด็นที่ได้ทราบว่ามีอยู่ในแถลงการณ์ของสวนสันติธรรม ซึ่งมีความหมายยืนยันว่า หลวงพ่อปราโมทย์ได้เคยพบหลวงปู่ ดูลย์และเป็นศิษย์ท่านจริง ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลวงพ่อทั้งสองเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันนั้น นับว่าเป็นความถูกต้องทางเทคนิคครับ (ผมเองยืนยันได้เพียงว่า หลวงพ่อปราโมทย์ได้เคยพบหลวงปู่ดูลย์จริง เนื่องจากเคยเห็นรูปที่ท่านถ่ายคู่กับหลวงปู่ดูลย์ แต่ไม่มีท่านใด ในสวนพุทธธรรมสามารถยืนยันได้ว่า ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หรือได้เรียนกรรมฐานกับหลวงปู่ดูลย์หรือไม่ เนื่องจากไม่มีท่านใดอยู่ในเหตุการณ์หรือได้รับการบอกเล่าโดยตรงครับ)
แต่ทั้งนี้คงเป็นคนละประเด็นกับประกาศสวนพุทธธรรมซึ่งมีความหมายปฏิเสธความใกล้ชิดสนิทสนมหรือความสัมพันธ์ซึ่งไม่มีอยู่จริง ครับ
(2) สวนพุทธธรรมป่าละอูออกประกาศ ด้วยเหตุผลตามที่บ้านอารีย์แจ้งมาจริงหรือไม่ จึงรบกวนคุณไกรศรในฐาน....ของทางสวนพุทธธรรม ป่าละอู ช่วยชี้แจงด้วยครับ
สาเหตุหลักใหญ่ในการออกประกาศสวนพุทธธรรมมีอยู่ 3 ประการซึ่งหลวงพ่อมนตรีท่านมักแจ้งให้ญาติโยมทราบครับ
1) ความสับสนของญาติโยมในการเรียนการสอนและปฏิปทา สืบเนื่องจากกรณี 1) ที่กรุณาถามมาครับ ผลจากความเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ตามที่ได้ยินมา ทําให้ญาติโยมส่วนใหญ่แทบทุกท่าน ที่รู้จักทั้งหลวงพ่อปราโมทย์และหลวงพ่อมนตรี มักมีความเข้าใจผิดว่า ท่านทั้งสองสนิทกันมาก และมีทั้งคําสอน และปฏิปทาเหมือนกัน จึงมักนําคําสอนที่ต่างกันนั้น มาพยายามปฏิบัติพร้อมๆกันหรือหาจุดลงเดียวกัน หรือคาดหวังในสิ่งเดียวกันเช่น วิธีการสอนแบบทักจิต ฯลฯ ทําให้ผู้ปฏิบัติสับสนมากๆ
2) กรณีพยากรณ์ท่านแม่ชีอรนุช เนื่องจากหลวงพ่อมนตรีท่านมีปฏิปทาในลักษณะที่ปฏิบัติตามปฏิปทาของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในกรณีที่ท่านไม่เห็นด้วยกับการทักวาระจิต การพูดถึงเรื่องนอกเหตุเหนือผล และการพยากรณ์ภูมิธรรมของผู้ปฏิบัติ เนื่องจากท่านเห็นว่า เป็นเรื่องผิดพระวินัย และมักก่อให้เกิดผลเสียหายต่อผู้เรียนปฏิบัติภาวนา ซึ่งคงจะปฏิเสธได้ยากว่า ค่อนข้างแตกต่างจากปฏิปทาของหลวงพ่อปราโมทย์ และ บรรยากาศการเรียนการสอนในสวนสันติธรรมพอสมควร
แต่อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อมนตรีท่านถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล จึงมักไม่กล่าวถึงนักในอดีต เพียงแต่ยืนยันปฏิเสธความคุ้นเคย หรือความสัมพันธ์ระหว่างท่านและหลวงพ่อปราโมทย์ ทุกครั้งที่มีญาติโยมถามถึงเท่านั้น
จนกระทั่งเร็วๆนี้ ได้มีกรณีหนึ่ง ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์ได้เขียนจดหมายมาเล่าให้หลวงพ่อมนตรีฟังถึงเรื่องสภาพการปฏิบัติและสภาพจิตของท่านแม่ชีอรนุช และท่านได้เขียนจดหมายให้กําลังใจกลับไป ซึ่งปรากฏว่า ภายหลังจากนั้นไม่นาน ได้มีข่าวลือเกิดขึ้นอย่างทั่วถึงในสวนสันติธรรมว่า ท่านแม่ชีอรนุชได้บรรลุธรรมขั้นต้นคือโสดาปัตติผลแล้ว และได้รับคําพยากรณ์ยืนยันจากหลวงพ่อมนตรีจากในจดหมายตอบกลับฉบับนั้นเอง (ผมเองได้รับฟังเรื่องนี้จากรุ่นน้องคนหนึ่งทางโทรศัพท์ 1 ครั้ง และได้ทราบจากเพื่อนอีก 2 ท่าน โดยยืนยันความเข้าใจเดียวกัน ภายใน 1-2 วันนั้น)
สําหรับกรณีที่ว่าหลวงพ่อปราโมทย์ท่านจะอ้างถึงเรื่องนี้โดยตรง อ้างโดยอ้อม หรือไม่ได้อ้างถึงเลย และเป็นความเข้าใจโดยสรุปเองของ เหล่าศิษย์นั้น ทางสวนพุทธธรรมไม่อาจยืนยันได้ครับ มีเพียงข้อสังเกตเพียงว่า กรณีนี้ ค่อนข้างพบเห็นได้บ่อยในสวนสันติธรรม เช่น ในกรณีคุณดังตฤณ หรือกรณีหลวงพ่อปราโมทย์ท่านพยากรณ์ภูมิธรรมของท่านเอง 3 ครั้ง (2 ครั้งแรกในข้อเขียน บันเทิงธรรม และ 1 ครั้งที่ด้านหลังศาลาหลักสวนโพธิญาณฯผ่านคุณดังตฤณ ซึ่งบังเอิญผมอยู่ในเหตุการณ์เช้านั้น)
จากกรณีนี้ หลวงพ่อมนตรีท่านจึงพิจารณาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างซึ่งไม่เป็นความจริงมาโดยตลอด กําลังขยายวงเป็นการบิดเบือนถึงปฏิปทาของท่านที่ยึดถือตามหลวงปู่ดูลย์อย่างเคร่งครัดมาตลอดการถือเพศพรหมจรรย์ และเป็นการผิดธรรมวินัยอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรออกประกาศมาเพื่อยุติความเข้าใจผิดนี้เสีย ก่อนที่จะเกิดซ้ําๆ หรือเกิดลุกลามใหญ่โตไปในลักษณะอื่นในอนาคตครับ
3) กรณีหนังสือแก่นธรรมคําสอนของหลวงปู่ดูลย์ และการอนุญาตให้นําข้อเขียนดังกล่าวไปแทรกในหนังสือ "อตุโลไม่มีใดเทียม" เล่มใหม่ ไม่นานมานี้ หลวงพ่อปราโมทย์ท่านได้เขียนหนังสือ "แก่นธรรมคําสอนของหลวงปู่ดูลย์" ซึ่งมีเนื้อหาใจความในลักษณะที่หยิบยกเอาคําสอน ที่บันทึกไว้เดิมของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล มาขยายความเสียใหม่ตามความรู้ความเข้าใจของท่านเอง และมีการเสริมข้อความด้วยหลักปฏิบัติ ปริยัติ และพระอภิธรรม และต่อมาดูเหมือนจะก่อให้เกิดคําวิจารณ์ในวงกว้างหลายประการ สําหรับในทางบวก ได้มีผู้มองไปในประเด็นว่า อาจเป็นการดีที่มีการขยายความคําสอนเดิม แต่สําหรับในทางลบนั้น ดูเหมือนจะมีค่อนข้างรุนแรงพอสมควร เช่น ครูบาอาจารย์ในสายกัมมัฏฐานหลายองค์ได้ยืนยันว่าข้อความที่นํามาเสริมนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด เป็นการแสดง ความจาบจ้วงต่อครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐานองค์สําคัญ ด้วย เจตนาที่จะจัดทําหนังสือดังกล่าว และด้วยถ้อยคําหรือลักษณะการเขียนบางประการ เช่น ประโยค "ข้อความที่ว่า จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย นั้น *น่าจะคลาดเคลื่อน* จากสภาวธรรมที่หลวงปู่สอน เพราะแท้จริง ...." ฯลฯ
เรื่องนี้ อาจกล่าวได้ว่า ถ้าเราพิจารณากันโดยเผินๆก็ดูเหมือนกับว่า จะมีเหตุผลทั้งสองฝ่าย ยากที่จะตัดสิน แต่หากเราอาจตั้งข้อสังเกตได้ว่า ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนเลยว่า ครูบาอาจารย์พระสายกัมมัฏฐานองค์ใดเลยจะกล้าพิจารณากระทําการในลักษณะเช่นนี้มาก่อน เช่นเดียวกับ ที่ซึ่งหากเราจะเปรียบในทางโลกก็คือ คงจะไม่มีพสกนิกรชาวไทยคนไหนกล้านําพระราชดํารัสมารวบรวม และอธิบายความเสียใหม่ตามความ เข้าใจของตนว่า ที่ใดพระองค์ท่านน่าจะหมายความอย่างไร และที่ใดน่าจะคลาดเคลื่อนจากที่พระองค์ท่านตั้งใจตรัส เพราะย่อมแสดงถึงทิฏฐิอย่างชัดแจ้งว่า ตนเองมีความรู้ มีความเข้าใจ และปรีชาสามารถทัดเทียมพระองค์ท่าน
ต่อมาไม่นานได้ปรากฎว่า คณะชาวลานธรรมกําลังจัดพิมพ์หนังสือ "อตุโลไม่มีใดเทียม" เพื่อเทิดทูนเกียรติหลวงปู่ดูลย์ขึ้น และในขณะที่มีความเห็นซ้อนทับกันระหว่างความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนั้น หลวงพ่อปราโมทย์ได้แสดงเจตน์จํานงอนุญาตให้เอาข้อเขียน "แก่นธรรมหลวงปู่ดูลย์" ของท่าน เข้าไปพิมพ์รวมในหนังสือ "อตุโลไม่มีใดเทียม" ได้ (ภายหลังได้มีการแก้ไขว่า หลวงพ่อปราโมทย์ท่านอนุญาตโดยไม่ทราบว่าจะรวมเข้าไปในหนังสือ "อตุโลไม่มีใดเทียม" ในขณะที่หลายท่านมีข้อถกเถียงว่าท่านทราบชัดเจนโดยมีพยานบุคคลยืนยัน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นข้อมูลประกอบที่มีความสําคัญรองลงไปกว่า เจตนาในการที่จะเขียนหนังสือ "แก่นธรรมหลวงปู่ดูลย์" นี้ออกมาตั้งแต่ต้น)
ความนี้ได้มาถึงหลวงพ่อมนตรี เมื่อหนังสือชุดแรกได้ออกมาเป็นรูปเล่มแล้ว หลวงพ่อมนตรีท่านจึงพิจารณาเห็นว่า สําหรับ การที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านได้พยายามกล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์กับท่านในลักษณะที่ไม่เป็นความจริงต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานแล้วนั้น เป็นสิ่งไม่สําคัญนักต่อท่าน แต่ขณะนี้ ความพยายามดังกล่าว กําลังขยายผลอย่างชัดแจ้งไปสู่การเปลี่ยนแปลงปฏิปทาและคําสอนเดิมที่เป็นมรดกตกทอดลงมาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์เสียใหม่ตามความต้องการของตน ท่านจึงเห็นสมควรชี้แจงความแตกต่างและไม่เห็นด้วยออกมาให้พุทธศาสนิกชนทราบในที่สุด ดังที่เห็นในประกาศสวนพุทธธรรมฯครับ
--------
เร็วๆนี้ได้มีผู้พยายามบิดเบือนความตั้งใจในประกาศของสวนพุทธธรรมไปในลักษณะต่างๆ เพื่อให้ลดความสําคัญหรือชัดเจนของตัวประกาศลง เช่น
- เป็นความเข้าใจผิดเล็กน้อยที่เกิดจากมีบุคคลที่สามเสนอข้อมูลที่ผิดต่อองค์หลวงพ่อมนตรี
- เป็นความเข้าใจผิดเล็กน้อยอันเนื่องมาจากข้อมูลจากบาง Web Site
- เป็นความเข้าใจผิดของหลวงพ่อมนตรีต่อหลวงพ่อปราโมทย์ อันเนื่องจากบันทึกพิเศษของหลวงปู่ดูลย์
- เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดเนื่องมาจากศิษย์บางท่านของหลวงพ่อปราโมทย์ได้มาทํากริยาไม่ดีในบริเวณสวนพุทธธรรม
- เป็นความเบื่อหน่ายขององค์หลวงพ่อมนตรี ที่ต้องตอบคําถามเกี่ยวกับการปฏิบัติที่เหมือน-ต่างกันซ้ําๆ
- เป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกล่าวอ้างถึงความสัมพันธ์โดยหลวงพ่อปราโมทย์
- เป็นกรณีพระสงฆ์ไม่ชอบอัธยาศัย หรือมีอคติกันเป็นการส่วนตัว
- เป็นเหตุจากการที่องค์หลวงพ่อมนตรีถูกคุณไสยบางขนิดเข้าครอบงํา ฯลฯ
เรื่องเหล่านี้ ทางสวนพุทธธรรมขอปฏิเสธอย่างชัดเจนครับว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเลย และใคร่ชักชวนให้ญาติโยมได้โปรดกรุณางดเว้นจากความคิดหรือการกระทําดังกล่าวเพื่อความเป็นศิริมงคลโดยรวมครับ เพราะนอกจากจะเป็นการบิดเบือนเจตนาและที่มาของประกาศ แล้ว ยังเกรงว่าจะเป็นการปรามาสต่อองค์หลวงพ่อมนตรีอย่างรุนแรงด้วยครับ
--------
สุดท้ายนี้ หากยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ก็ขอรบกวน email กลับมา หรือจะเดินทางไปกราบนมัสการขอคํายืนยันและ สอบทานเรื่องราวต่างๆกับ หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโดยตรง ที่สวนพุทธธรรม-ป่าละอู ก็ได้ครับ
---
ด้วยความนับถืออย่างสูง ไกรศร kraisorn9945@hotmail.com