อีเมลล์ฉบับที่ ๒
จากคุณไกรศร ผู้นำสารจากหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร
ดูได้จาก บทสรุป วันที่ ๒๖ มีนาคม ๕๓
หมายเหตุ: ทางเว็บ antiwimutti มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับสวนพุทธธรรมป่าละอู
หรือ หลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร แต่อย่างใด เพียงแต่นำอีเมลล์มาเผยแพร่เท่านั้น
2)จากการที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ได้ระบุไว้ในข้อเขียนเรื่อง “กว่าจะเป็นสวนสันติธรรม” (ปัจจุบันถูกลบออกจาก website ของสวนสันติธรรม หลังจากมีประกาศชี้แจงเรื่องความเกี่ยวพันระหว่างสวนพุทธธรรม-ป่าละอู และสวนสันติธรรมศรีราชา ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2552) ซึ่งมีเนื้อความกล่าวถึงการจัดสร้างสวนสันติธรรมว่าเป็นดําริเริ่มต้น ของหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร
กรณีนี้ได้มีปรากฏเป็นข้อเขียน 2 แห่งด้วยกัน คือ ข้อเขียนเรื่อง "กว่าจะเป็นสวนสันติธรรม" ซึ่งเขียนโดยหลวงพ่อปราโมทย์ท่านเองและ แถลงการณ์สวนสันติธรรมที่มีขึ้นเร็วๆนี้ โดยทั้งสองแห่งระบุว่า เป็นดําริของหลวงพ่อมนตรี ที่จะให้มีการสร้างสวนสันติธรรมแทนที่สถานที่เก่าที่สวนโพธิญาณฯ และบัญชาให้ไปสร้างที่ชลบุรี ซึ่งทางสวนพุทธธรรมขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงทั้งสองกรณีครับ
ความจริงที่เกิดขึ้นในด้านสวนพุทธธรรมก็คือ ในขณะนั้นทางสวนพุทธธรรมได้รับแจ้งว่า หลวงพ่อปราโมทย์และคณะกําลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาสร้างสวนสันติธรรมขึ้น และกําลังมีผู้มีจิตศรัทธาประมาณ 2-3 คณะเสนอตนเอง โดยเสนอที่ต่างๆให้ 2-3 จุดต่างกันไป (ขณะนั้นไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่า ทุกคณะมีที่ดินอยู่ในครอบครองแล้วหรือไม่ ความชัดเจนมีเพียงว่า แต่ละคณะเสนอให้สร้างในสถานที่ หรือจังหวัดแตกต่างกันไปอย่างชัดเจน)
ในขณะนั้นปรากฏว่ามีคณะผู้มีจิตศรัทธาเหล่านี้ อาทิเช่น คุณเอ๊ะ คุณฐิตินาถ ฯลฯ ได้หมั่นเดินทางมายังสวนพุทธธรรมหลายครั้ง เพื่อขอให้หลวงพ่อมนตรีให้การสนับสนุนในการแนะนําพวกเขา เป็นเหตุให้หลวงพ่อมนตรีต้องชี้แจงจุดยืนต่อญาติโยมหลายครั้งว่า ท่านไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือมีน้ําหนักใดๆในการช่วยหลวงพ่อปราโมทย์ตัดสินใจเลือกสถานที่ตามที่เข้าใจผิดกันแต่ประการใด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของสวนโพธิญาณที่ท่านไม่ต้องการมีส่วนร่วมหรือก้าวก่ายเลย
ภายหลังเมื่อมีการเรียนขอความเห็นกับหลวงพ่อมนตรีว่าแต่ละที่มีส่วนดีและส่วนเสียอย่างไร หลวงพ่อมนตรีจึงได้ให้ความเห็นโดยอิงตามหลักเหตุผล โดยพิจารณาจากตําแหน่งที่ตั้งของสถานที่แต่ละที่ๆที่มีผู้เสนอ โดยไม่ได้เป็นผู้ชี้ขาดหรือเลือกสถานที่ให้แต่อย่างไร
ต่อมาไม่นาน สวนพุทธธรรมจึงได้รับการติดต่อว่า คณะของหลวงพ่อปราโมทย์จะมากราบนมัสการหลวงพ่อมนตรีเพื่อเรียนปรึกษาและแจ้งข่าวเกี่ยวกับการสร้างสวนสันติธรรมใหม่ โดยมีคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มผู้มีจิตศรัทธาในการเสนอสร้างสวนสันติธรรมในเขตชลบุรี เป็นผู้อํานวยการในการเดินทางดังกล่าวมาเพียงคณะเดียว (ในการเดินทางเที่ยวนั้น ไม่ได้มีตัวแทนผู้เสนอสร้างในกลุ่มอื่น เช่น คุณโจโจ้ หรือคุณเอ๊ะมากับคณะด้วยเลย)
เนื่องจากหลวงพ่อมนตรีท่านได้ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าทางหลวงพ่อปราโมทย์และคณะ ได้ตัดสินใจเลือกสร้างสวนสันติธรรมในเขตชลบุรี โดยจะให้คุณฐิตินาถเป็นผู้สร้างให้แล้ว (เป็นเหตุให้คุณฐิตินาถเป็นผู้นําพาคณะเดินทางมาเพียงกลุ่มเดียว และขณะนั้นยังไม่มีที่ดินอยู่ใน ครอบครอง) ท่านจึงกล่าวแนะนําในขณะพบว่า ควรจะหาที่ดินที่มีพื้นที่ประมาณเท่าไร ใกล้แหล่งน้ําหรือไม่ ฯลฯ
เมื่อสนทนากันใกล้จะจบ ทางหลวงพ่อปราโมทย์ได้ขออนุญาตถ่ายรูปคู่กับหลวงพ่อมนตรี โดยขอ 1-2 ครั้งและให้เหตุผลว่า "เอาไว้กันพระป่ารังแก" หลวงพ่อมนตรีท่านไม่อนุญาต และลุกขึ้นทันที
ดังนั้น การที่มีคํากล่าวว่า การสร้างสวนสันติธรรม เป็นดําริเริ่มต้นจากหลวงพ่อมนตรี และท่านเป็นผู้เร่งเร้าให้สร้าง พร้อมทั้งชี้ขาดว่า ควรเป็นที่ชลบุรี ตามเอกสาร 2 ชิ้นของสวนสันติธรรมนั้น จึงไม่เป็นความจริงครับ เนื่องจากดําริเริ่มต้น และการเลือกผู้จัดสร้างนั้น เป็น ของทางหลวงพ่อปราโมทย์และคณะเอง
และหลังจากเข้าพบครั้งนั้นไม่นาน ได้เกิดข่าวลือขึ้นทั่วไปจากทางสวนสันติธรรม (สวนโพธิญาณ ขณะนั้น) ว่า ไม่เพียงแต่หลวงพ่อมนตรี มีดําริเห็นควรให้สร้างสวนสันติธรรมใหม่ เพื่อให้หลวงพ่อปราโมทย์ไปจําพรรษา และบัญชาให้คุณฐิตินาถเป็นผู้ไปสร้างให้เท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หลวงพ่อมนตรีได้ใช้ญาณทัศนะเล็งเห็นว่า สถานที่ที่ปัจจุบันเป็นสวนสันติธรรมนี้ จะเป็นที่เจริญสืบไป ซึ่งทางสวนพุทธธรรมขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงเช่นเดียวกันครับ
ด้วยความนับถืออย่างสูง
ไกรศร