หลักฐานแก้ตัวเรื่องให้คำพยากรณ์ (มีนาคม ๒๕๕๓)


คำชี้แจงของสวนสันติธรรม ฉบับที่ ๙
เรื่องข้อกล่าวหาบางเรื่อง

๑๐. หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มีปฏิปทาสวนทางกับพระพุทธวจนะ
ว่าด้วยการพยากรณ์อริยะผล ซึ่งเป็นวิสัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
เป็นที่รับทราบกันดีว่ามีการพยากรณ์โสดาปัตติผล
ให้แก่ลูกศิษย์จำนวนอย่างน้อย ๖ ราย

คำชี้แจง หลวงพ่อปราโมทย์ไม่เคยพยากรณ์อริยผลให้ผู้หนึ่งผู้ใด 
และกล่าวอยู่เนืองๆ ว่า 
“เอกสิทธิ์ในการพยากรณ์มรรคผลเป็นของพระพุทธเจ้าเท่านั้น”
อย่างมากก็ยอมรับว่าบุคคลผู้นั้นมีความเข้าใจธรรมะพอจะช่วยสอน 
หรือพอจะปฏิบัติด้วยตนเองต่อไปได้เท่านั้น
หลักฐานการแก้ตัวเรื่อง อวดอุตริพยากรณ์
อีกทั้งยังให้ ดังตฤณ เป็นผู้พยากรณ์อีก
คำถามคือ พระอริยะ โกหกได้หรือ?
ในเมื่อประกาศว่าไม่เคยทำ

หมายเหตุ ในyoutubeนั้นมิใช่เป็นการตัดต่อตามที่ลือกัน ทางทีมงานแค่ตัดเอาตอนที่พูดออกมาจากหลายๆไฟล์มารวมกันเพื่อความสะดวกในการฟัง ทั้งนี้ทีมงานได้เพิ่มลิ่งค์ ไฟล์เต็มไว้แล้ว
ทางทีมงานได้ลดคุณภาพเสียงลง เพื่อจะได้ไฟล์เล็ก เหมาะแก่การดาวน์โหลด
หากท่านมีไฟล์นั้นอยู่แล้ว กรุณาเปิดฟังด้วยตัวเอง แล้วเทียบเคียงว่าทางเราได้มีการตัดต่อใส่ร้ายหรือไม่ แต่หากเป็นไฟล์ที่ได้มาใหม่อาจจะไม่เจอ
เพราะเมื่อเราทำการประกาศออกไปแล้ว อาจจะถูกตัดต่อได้
หากท่านเทียบเคียงแล้วจะรู้ว่า คนที่พูดว่าทางทีมงานตัดต่อนั้น โกหก(อีกแล้ว)




FILE 521122 ฟังฉบับเต็มได้ที่http://www.antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/Full%20Utari%202/521122%20FULL.mp3

33.30 ยุคนี้มีมั้ย ยุคนี้จะมีพระอรหันต์มั้ย ยุคนี้จะมีพระโสดามั้ย มีโดยตำรานะ เพราะตราบใดที่มีคนเจริญสติปัฏฐานเนี่ย โลกไม่ว่างจากพระอริยะ จากพระอรหันต์ แต่มีโดยการชี้ขาดไม่ได้นะ คนที่มีสิทธิ์ชี้ขาดคือพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นพวกเราอย่ามาอุตริมาชี้นะว่าหลวงพ่อเป็นอริยะชั้นนั้นชั้นนี้ พวกเรามีหน้าที่ภาวนาอย่าทำอะไรในสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อนุญาติไว้นะ

*** ทำไมต้องให้พระพุทธเจ้าใช้ ในเมื่อพระองค์สอน ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ให้ประจักษ์แก่ตนเอง 

FILE 521122
34.00 อย่างมากหลวงพ่อก็ว่าคนนี้ภาวนาดี เนี่ยพอหลวงพ่อชมว่าใครภาวนาดี ก็ชอบไปลือว่าคนนี้ได้โสดา คนนี้ได้สกิทาคา ถ้าฟ้งให้ดีหลวงพ่อจะชมทุกคนว่าดี 

*** แน่ใจหรือว่าแค่ชมว่าภาวนาดี? ดูได้ที่นี่  



"เรายังไม่เคยเห็นฆราวาสบรรลุพระอรหันต์เลย ยุคนี้มีมั้ย ยุคนี้จะมีพระอรหันต์มั้ย ยุคนี้จะมีพระโสดามั้ย มีโดยตำรานะ ถ้าตราบใดที่มีผู้เจริญสติปัฏฐานเนี่ย โลกไม่ว่างจากพระอริยะ จากพระอรหันต์ แต่มีโดยการชี้ขาดไม่ได้นะ
 คนที่มีสิทธิ์ชี้ขาดคือ พระพุทธเจ้า"


หลวงตามหาบัว ได้เทศน์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ความจริงพาให้เป็น
(หลังจังหัน)

    นี่ละธรรมของจริง เวลาเป็นขึ้นกับหัวใจใดแล้ว ท่านบอกว่า สนฺทิฏฺฐิโก ผู้ปฏิบัติจะพึงรู้เห็นผลแห่งการปฏิบัติของตนตั้งแต่พื้นๆ จนถึงนิพพาน เรียกว่า สนฺทิฏฺฐิโก เป็นผู้จะตัดสินเอง รับทราบผลงานของตนเป็นลำดับลำดาจนกระทั่งถึงพระนิพพาน พระพุทธเจ้าประทานธรรมะข้อนี้ให้แล้ว

เพราะฉะนั้นที่ใครมาพูดป่าๆ เถื่อนๆ ว่า บรรดาพระอรหันต์ที่ตรัสรู้หรือบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์นั้นต้องพระพุทธเจ้าเป็นผู้รับรองเสียก่อนถึงจะเป็นได้ มันเอาป่าเอาเถื่อนจากไหนมาพูด ไม่ใช่ธรรมดานะ ยกยอกันเป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณมาแสดงธรรม มาขายขี้เท่อให้เห็น นั่นละความลูบคลำ ตำรับตำราท่านก็มีอยู่แล้ว คัมภีร์ท่านมี อันนี้ไม่มีในความจริงว่า พระพุทธเจ้าต้องไปรับรองพระอรหันต์ทั้งหลาย พระอรหันต์บรรลุธรรมที่ไหน ถ้าพระพุทธเจ้ายังไม่รับรองเป็นอรหันต์ไม่ได้ไม่มี สนฺทิฏฺฐิโก พระพุทธเจ้าประทานไว้เรียบร้อยแล้ว จะพึงรู้เองเห็นเองในผลแห่งการปฏิบัติของตน ตั้งแต่พื้นจนถึงวิมุตติพระนิพพาน นั่นท่านสอนไว้เรียบร้อยแล้ว ใครบรรลุปึ๋งที่ไหนก็พอแล้ว



หลวงพ่อสงบสนทนากับนักปฏิบัติคนหนึ่ง

หลวงพ่อสงบ: นั่นน่ะสิ
โยม: แล้วปัจจัตตังล่ะ ทำไมต้องให้คนอื่นมาตัดสิน
หลวงพ่อสงบ: วันนั้นเขาพูดตรงนี้ด้วยนะ วันนั้นน่ะ
โยม: ผมก็ อ้าว แล้วปัจจัตตังล่ะ
หลวงพ่อสงบ: นี่ไง ถ้าคนไม่เป็น คำพูดมันฆ่าตัวตายตลอด
โยม: โอ้โฮ..ผมช็อกเลยนะ โห..ท่านพูดอย่างนี้แล้วเกิด คนจะ....
หลวงพ่อสงบ: โยมต้องคิดอย่างนี้ ต้องคิดว่าคนเรานี่นะ พอเราทำผิดเราจะปกปิดความผิดเราก็จะอ้างเหตุผลมาเพื่อปกปิดความผิด ขณะจะอ้างเหตุผลเนี่ย มันลืมคิดไปว่าเหตุผลไปขัดแย้งกับข้อเท็จจริงข้างหน้าหรือเปล่า แต่ถ้าเราไม่มีอะไรที่ต้องปกปิด เราพูดไปตามกระบวนการของมัน
มันจะไม่ขัดแย้งกัน เราจับประเด็นตรงนี้ต่างหาก เพราะลูกศิษย์เขามาถาม ลูกศิษย์เขาก็เอามา ลูกศิษย์ไปเห็นก็พริ้นท์ มาให้เรา เขามาถาม เราก็พูด เพราะถ้าอย่างนี้ ของอย่างนี้เราไม่ได้พูดถึงคำพูดนี้ เราดูถึงเจตนาที่พูดอย่างนี้ พอมีมันเจตนาเนี่ย เราดูเจตนาที่พูดว่ามันหวังอะไร เราถึงอธิบายของเราเห็นไหม ว่ามันเป็นสันทิฏฐิโก มันเป็นปัจจัตตัง แล้วการจับผิด การชี้ผิด ไม่มีใครชี้ใครได้หรอก ใครชี้ใครไม่ได้หรอก พระพุทธเจ้าก็ชี้ไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ตามความเป็นจริงอันนั้น
โยม: ดูว่าเป็นแล้ว (ใช่ ) ดูว่ารู้แล้ว ....
หลวงพ่อสงบ: เป็นหรือไม่เป็น ไม่เป็นก็บอกไม่เป็น เห็นไหมมีพระอรหันต์เยอะเลย พระอรหันต์จะไปเฝ้าท่าน ท่านบอกให้พระไปกันไว้ บอกให้ไปเที่ยวป่าช้าก่อน ท่านรู้ว่าไม่เป็น แต่พระพวกนั้นนั้นคิดว่าเป็น จะมาหาท่าน บอกเป็นพระอรหันต์แล้วจะมารายงานผล ท่านรู้ว่าจิตมันกำลังหมุนอยู่ ท่านเนี่ยให้พระไปดักหน้าไว้ แล้วพระนั้นมาบอกว่า พระที่คิดว่าเป็นพระอรหันต์อย่ามาเฝ้าหาท่านให้แวะไปที่ป่าช้าก่อน พอไปป่าช้าเห็นซากศพ มันมีอารมณ์ความเคลื่อนไหว มันมีการกระเพื่อมของใจ พระพวกนั้นรู้เลยว่าตัวเองไม่ใช่อรหันต์ มันเป็นการปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ตามข้อเท็จจริงนั้น