คำชี้แจงของสวนสันติธรรม ฉบับที่ ๙
เรื่องข้อกล่าวหาบางเรื่อง
๓. มีการกล่าวหว่านล้อม โน้มน้าว ชักจูง ทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ว่า
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว
รวมถึงเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ
คำชี้แจง ในความเป็นจริงหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ได้กระทำเช่นนั้น เพียงแต่บางคราวได้เล่าถึงการละกิเลสของพระอริยบุคคลแต่ละชั้น ซึ่งก็เป็นไปตามพระไตรปิฎก และบางทีก็บอกเล่าถึงสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังมา ส่วนเรื่องอิทธิปาฏิหารย์ต่างๆ ที่ได้ยินได้ฟังหรือพบเห็นมา ก็เป็นเพียงส่วนเสริมเพื่อ “แก้เบื่อ” หรือ “แก้ง่วง” ของผู้ฟังธรรมเป็นครั้งคราวเท่านั้น ซึ่งวิธีการแสดงธรรมโดยเล่าเรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องปกติมาแต่ครั้งโบราณกาล แม้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาก็มีเรื่องจำพวกนี้อยู่มาก อันเป็นการอนุเคราะห์แก่ผู้ฟังเท่านั้น สำหรับการที่ญาติโยมจะคาดเดาเอาว่าหลวงพ่อปราโมทย์บรรลุคุณธรรมขั้นใดนั้น หลวงพ่อปราโมทย์ก็ได้ปรามอยู่เนืองๆ ว่าไม่สมควรคิด เพราะในยุคนี้ไม่มีผู้ใดมีสิทธิพยากรณ์มรรคผลได้ ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ได้ดำรงพระชนม์อยู่แล้ว จุดสำคัญที่หลวงพ่อปราโมทย์เน้น ไม่ใช่การ “ได้เป็น ได้มีอะไร” แต่อยู่ที่การ “ละกิเลสได้” เท่านั้น








หลักฐานการอวดอ้างว่าตนบรรลุอริยะ
ชั้นใดชั้นหนึ่ง ในวาระต่างๆ ๑
คำถามคือ พระอริยะ โกหกได้หรือ?
ในเมื่อประกาศว่าไม่เคยทำ
หมายเหตุ ในyoutubeนั้นมิใช่เป็นการตัดต่อตามที่ลือกัน ทางทีมงานแค่ตัดเอาตอนที่พูดออกมาจากหลายๆไฟล์มารวมกันเพื่อความสะดวกในการฟัง ทั้งนี้ทีมงานได้เพิ่มลิ่งค์ ไฟล์เต็มไว้แล้ว
ทางทีมงานได้ลดคุณภาพเสียงลง เพื่อจะได้ไฟล์เล็ก เหมาะแก่การดาวน์โหลด
หากท่านมีไฟล์นั้นอยู่แล้ว กรุณาเปิดฟังด้วยตัวเอง แล้วเทียบเคียงว่าทางเราได้มีการตัดต่อใส่ร้ายหรือไม่ แต่หากเป็นไฟล์ที่ได้มาใหม่อาจจะไม่เจอเพราะเมื่อเราทำการประกาศออกไปแล้ว อาจจะ ถูกตัดต่อได้ หากท่านเทียบเคียงแล้วจะรู้ว่า คนที่พูดว่าทางทีมงานตัดต่อนั้น โกหก(อีกแล้ว)
CD22 501129a ฟังฉบับเต็มได้ที่http://www.antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/501129a.mp3
12.00 หลวงพ่อใช้เวลาไม่นานหรอก ประมาณ7เดือน เพื่อที่จะเรียนรู้จิตใจตัวเอง เมื่อเราเรียนรู้จิตใจตัวเองดีแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านก็บอกเลยว่า เราช่วยตัวเองได้ คนที่ไม่รู้ทันใจตัวเองนะยังช่วยตัวเองไม่ได้หรอก เพราะกิเลสมันครอบงำใจเราทั้งวัน มาได้เหมือนกันนะ มาได้แว๊บๆ พอระลึกรู้นะก็ขาดสะบั้นลงไปเลย เราก็ปิดอบายได้ ไม่ต้องไปอบายได้ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่ามีที่พึงละ คือมีพระรัตนไตรเป็นที่พึงจริงๆ มันไม่ใช่แค่สวดมนต์ พุทธังสารนัง ธรรมสานัง อันนั้นมีที่พึงเฉพาะว่าจะแต่ใจยังเป็นเด็กร่อนเร่พเนจร ไม่มีที่พึง แต่ถ้าเราภาวนาจนเราเข้าถึงจิตถึงใจเราได้แล้วเนี่ย มันจะเกิดความอบอุ่นใจ รู้สึกได้ว่าเราเป็นลูกมีพ่อมีแม่แล้ว เมื่อก่อนเป็นลูกกำพร้าไม่รู้ว่าลูกใคร พอเราภาวนาเข้าถึงจิตถึงใจครั้งแรก เรารู้เลยว่าเราเป็นลูกมีพ่อมีแม่ พ่อแม่ของเราก็คือพระทุธเจ้า หรือครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนเราจนได้ดวงตาเห็นธรรม เราจะรู้สึกว่าท่านเป็นพ่อเป็นแม่เรา ครูบาอาจารย์องค์อื่นๆถัดมาเนี่ย แม้ว่าท่านจะสอนเราจนบรรรลุพระอรหันต์นะ เราก็จะไม่รู้สึกว่าท่านเป็นพ่อแม่เรา เราจะรู้สึกว่าท่านเป็นพี่เรา เป็นพี่เลี้ยง เพราะฉะนั้นคนไหนได้ฟังธรรมของใครจนเห็นดวงตาเห็นธรรมจะรู้สึกซาบซึ้งถึงอกถึงใจว่าท่านผู้นั้นคือพ่อคือแม่ ที่แท้จริง
CD23 FILE 510202 ฟังฉบับเต็มได้ที่http://www.antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/510202.mp3
26.28 กระทั่งในการภาวนาในขั้นที่ละเอียดขึ้นไป ก็ต้องอดทนมาเลยอย่างเราภาวนาไปนะ ดูไปปุ๊ปจิตว่างไปหมดละ โลกธาตุนี่ว่างสว่าง เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ราบเสมอเป็นหน้ากลองหมดเลยมีแต่ความสุขอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ละวันก็เป้นอย่างนั้นอีกๆ ต้องอดทนนะต่อความสุขตรงนี้ อดทนต่อความดีตรงนี้ อดทนต่อการแขวนป้ายว่าเป็นพระอริยะชั้นสูง อู้ยเราคงบรรลุแล้วล่ะอะไรอย่างเนี้่ย ต้องทนนะ การที่จะทิ้งสิ่งเหล่านี้ที่แสนดีที่สร้างขึ้นมา สร้างขึ้นมาเพราะความโง่แท้ๆเลย เรานึกว่าดีวิเศษมากเลย เราปรุงแต่งจนกระทั่งโลกธาตุนี้ว่างจนไม่มีอะไรเลย นึกว่านิพพาน ดูไปหลายวันด้วยความไม่นิ่งนอนใจ ว่าจบกิจแล้ว (กำลังอยู่ในขั้นอนาคามี?) ดูไปเรื่อยๆมันหมองได้อีก โมหะแทรก แทรกมาได้ยังไงนี่แสดงว่าไม่ใช่ละ ไม่ใช่ใจหายไหม ใจหายนะ เหนื่อยแทบตายเลย สร้างขึ้นมาแล้วพบว่ามันไม่ใช่ละ ไม่ใช่แล้วยังไงละ ก็โยนมันทิ้งสิ ไม่ใช่แล้้วจะเอาไว้ทำไม ครั้งที่หนึ่งก็ยังพอสู้นะ ครั้งที่สอง ที่สามก็เป็นอย่างนี้อีก ภาวนาไปพลิกแพลงไปจนวันนึงนะ ท้อใจละถอดใจ โอ้วาสนาเราคงได้แค่นี้ละชาตินี้ ไม่จบหรอกทำได้แค่นี้ คงจะต้องเวียนว่ายตายเกิด น่าอะเหน็ด อะหนาด แต่ช่างมันเถอะ ได้แค่นี้ก็แค่นี้นะ ใจหมดความดิ้นรน เพราะภาวนาจนดิ้นรนสุดขีดจนหมดแรงดิ้นละ ดิ้นจนหมดแรงดิ้นสู้จนกระทั่งหลังชนกำแพงละก็ยืนให้เค้าชก ก็ไม่หนีไปไหน ที่หนีไปไหนไม้่ได้ เพราะว่าไม่มีที่จะหนีละ แต่เดิมเรามีความทุกข์ขึ้นมาเราก็หนีไปที่อีน เราก็พ้นทุกข์ใช่มะ ตอนนี้จิตนี้คือตัวทุกข์ จิตเป็นตัวทุกข์แล้วจะหนีไปไหนอ่ะ จะหนีไปไหนจิตก็หนีไปกับเราด้วย ไม่มีที่จะหนีนะในสังสารวัฏ ไม่เหลืออะไร สักย่างก้าวเดียวให้ยืนอยู่อย่างมีความสุขได้เลย นี่ต้องภาวนาจนถึงขนาดนี้ ใจถึงจะกล้าหาญที่จะทิ้งโลกไปได้เพราะมันเห็นแล้ว มีแต่ทุกข์ล้วนๆนะ ถ้ายังเห็นว่าย่อมนี้เป็นโอเอซิสอยู่นะไม่มีทิ้งหรอก จะวิ่งตะกายไปหาโอเอซิส
CD23 FILE 510206B ฟังฉบับเต็มได้ที่http://antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/510206B.mp3
(บอกตัวเองมาช่วยกึ่งพุทธกาล) 9.30 ครูบาแมน แกgeniusนะ ตอนก่อนจะบวชเนี่ยอายุก็ไม่มากนะ
แต่ราชบัณฑิตเนี่ยไปเชิญไป ไปpresent software ตัวนึงคำนวนปฏิทินพระจันทร์ แกบอกได้ว่าวันพระปีศักราช800 มีวันอะไรบ้าง ตอบได้ ย้อนไป ย้อนมาพอถึงพ.ศ.ที่5000 วันวิสาขะของปีพ.ศ.5000 เนี่ย วันที่เท่าไหร่ก็ยังคำนวนได้ เนี่ยgeniusมากเลย พอแกคำนวนไปคำนวนมาก็บอกว่า ศักราชมันเคลื่อนอยู่50ปี พวกฝรั่งมันก็รู้เหมือนกัน ศักราชมันเคลื่อนอยู่50ปี เพราะฉะนั้นขณะเนี่ยนะปีพ.ศ. 2501 ขณะนี้กึ่งพุทธกาลอยู่ พวกเราอยู่ในกึ่งพุทธกาลแท้ๆนะ จะนับศักราชอย่างสิงห์หน เนี่ยมันจะนับว่ากษัติย์ องค์ครองราชเท่านี้ปีๆ มันจะบวกแล้วมันเกินๆไป เกินไป50ปี งั้นยุคของเราเนี่ยเป็นยุคกำลังเปลี่ยนยุคพอดี เรียกว่ากึ่งพุทธกาล ............(อธิบายไปเรื่อยๆ)..........
หลวงพ่อตั้งความปราถณาไว้นานนน นักหนาแล้ว ตั้งความปราถนาไว้3ข้อ ข้อแรกนะขอให้ถึงที่สุดตามพระพุทธเจ้าไปให้ได้ ข้อที่2นะขอให้มั่นคงในศาสนาพุทธ ไม่ว่าศาสนาพุทธไปอยู่ที่ไหนเราขอไปด้วย ศาสนาพุทธไปเกิดที่ไหนเราไปด้วย (อธิบายไปเรื่อยๆ) ปนิทานอันที่3ก็คือ ข้อให้ได้สืบทอดศาสนาในช่วงของการเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย นี่ดังตฤณบอกหลวงพ่อเหมือนคนที่ทุ่มก้อนหินใหญ่ลงไปในน้ำนะ ตอนนี้น้ำกระเพื่อมไปทั่วโลกแล้ว
CD22 501030 ฟังฉบับเต็มได้ที่http://www.antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/501030.mp3
3.23 เมื่อวันทอดกฐิน คุณดังตฤณมา ดังตฤณมาถึงก็มาคุยกับหลวงพ่อข้างใน คนนี้แก่ดูจิตคนอื่นได้ละเอียดนะ แกบอกว่าแกสังเกตุแล้วว่า จิตคนอื่นกับจิตหลวงพ่อเนี่ยไม่เหมือนกันตรงไหน จิตของคนอื่นเนี่ยนะเวลาคิดเนี่ยมันจะสร้างภาพ สร้างอิมเมจ มีอิมเมจขึ้นมาข้างใน แห่งความเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา เป็นตัวตนที่จะเข้าไปทำงาน เป็นตัวตนที่จะเข้าไปรับสนองผลงาน ส่วนคนที่ภาวนาไปแล้วเนี่ย มันจะคิดจะนึกจะปรุงจะแต่งนะมันจะไม่สร้างอิมเมจแห่งการเป็นตัวตนขึ้นมาเลย แกมองเก่งนะ แกบอกแต่ก่อนแกดูได้ไม่ลึกซึ้ง แกเห็นแต่ว่าจิตของคนที่ภาวนาดีๆแล้วเนี่ยว่างๆ ว่างเปล่า แต่นี้ดูได้ลึกลงไปว่าขณะที่มันทำงานเนี่ยก็ไม่เหมือนคนอื่น มันไม่มีการสร้างภาพแห่งการเป็นตัวตนขึ้นมา
พวกเราสังเกตุไหมเวลาเราจะคิดนึกปรุงแต่งเราจะสร้างภาพแห่งการเป็นตัวตัวขึ้นมา เมื่อมันมีภาพแห่งการเป็นตัวตนมันก็จะมีเราเป็นผู้กระทำ มีเรารับผลของการกระทำ แต่ถ้ามันไม่สร้างภาพแห่งการเป็นตัวตน มันจะไม่มีเรารับผลของการกระทำ แต่การกระทำมีอยู่ แต่การกระทำยังมีอยู่ ไม่มีผู้กระทำ ไม่มีผู้รับผลของการกระทำ
CD23 FILE 510213 ฟังฉบับเต็มได้ที่http://www.antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/510213.mp3
54.40 มีคนนึงนะ คุณดังตฤณเนี่ย บอกว่าชอบไปดูจิตพระ คนไหนที่เค้าว่าพระอรหันต์นะไปดู แล้วก็พบอย่างนึงว่า จิตของพระเนี่ยเวลาท่านคิดอะไรขึ้นมานะ คิดมาจากความว่าง ไม่มีการสร้างอิมเมจขึ้นมา
CD24 FILE 510216B ฟังฉบับเต็มได้ที่http://antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/510206B.mp3
7.00 เห็นดังตฤณออกหนังสือเล่มใหม่มา สติปัฏฐานเมื่อวานพี่สาวเอามาให้หลวงพ่อดูเล่มนึง ไปดูตอนท้ายก็เข้าท่าอยู่ แกพูดถึงพระอรหันต์นะแกว่าภาวนาพอเป็นพระอรหันต์แล้วเนี่ย มันไม่ยึดตัวยึดตนหรอก ขนาดความคิดทั้งหลายเกิดขึ้น ยังไมมีการสร้างนโนภาพแห่งการเป็นตัวตนขึ้นมาซักนิดเลย เวลาคิดจะคิดอกมาจากว่างๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในความคิดนั้น คิดว่างๆ ถามว่าคิดไหม คิดแต่ไม่ได้คิดจากกิเลส คิดโดยที่ไม่สร้างตัวสร้างตนขึ้นมา
CD22 File 501006b ฟังฉบับเต็มได้ที่http://www.antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/501006b.mp3
19.40 "อย่างของหลวงพ่อนะ บางปัญหาใช้เวลาตั้ง20ปีแหนะ แต่20ปีมันอยู่ในเพศฆารวาศ ภาวนายาก บางปัญหาอย่างของหลวงปู่ดูลย์ครั้งสุดท้าย เจอท่าน36วันก่อนท่านมรณะภาพ ท่านเทศฯ์ๆๆจนท่านเหนื่อยเราก็จะลากลับ ท่านบอกยังกลับไม่ได้จำไว้นะ "พบผู้รู้ให้ทำลายผู้รู้ พบจิตให้ทำลายจิต จึงจะถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง"
CD ฟังฉบับเต็มได้ที่http://antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/FULL%20Utari%201/500913.mp3
13.30 มันมีความสุขนะ สุขแบบไม่รู้จะบอกยังไง สุขที่สุดเลย สุขอย่างโลกๆหลวงพ่อรู้จักนะ หลวงพ่อก็เป็นชาวโลกมาตั้ง48ปีถึงได้บวช ความสุขอย่างโลกๆก็รู้จักทั้งนั้นแหละเหมือนที่โยมรู้จัก พอมาความสุขในธรรมะ มันเทียบกันไม่ได้หรอก ความสุขในโลกมันแกว่งขึ้นแกว่งลงมีได้ก็หายไปได้ เกิดๆได้ก็ดับได้ พอมีความสุขในธรรมะนะ มันไม่เกิดไม่ดับหนิ นิพพานมันไม่เกิดไม่ดับ แต่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเลยนะ
CD25 510422 ฟังฉบับเต็มได้ที่http://www.antiwimutti.net/doc/Audio%20Pramote/Full%20Utari%202/510422.mp3
9.50 เวลาพระอรหันต์คิดจะไม่มีอิมเมจ อันนี้หลวงพ่อไม่ได้เป็นคนแรกที่สังเกตุเห็นนะ นายตุล ดังตฤณหน่ะ วันนึงมาคุยกับหลวงพ่อว่า โอ้ ผมเที่ยวสังเกตุจิต ไม่บอกนะว่าจิตใคร บอกเวลาคิดเนี่ยไม่มีอิมเมจ ไปสังเกตุจิตอาจารย์มหาบัวก็ไม่มีอิมเมจ (ตกลงนายตุล บอกหรือไม่บอกกันแน่ ว่าจิตใคร?) นะ สังเกตุจิตพระบางองค์ก็ไม่มีอิมเมจ มันคิดเฉยๆ คิดจากความว่าง คิดแล้วก็ว่างอย่างนั้นเอง
(อ้างอิงจาก Youtube ด้านบนอันที่ ๒)
มีกล่าวถึงดังตฤณ บอกว่าจิตของหลวงพ่อปราโมทย์คิดไม่เหมือนคนอื่น คิดจากความว่างไม่มีอิมเมจ อยู่ใน CD ที่ 22 23 24
หมายเหตุ การรวบรวมครั้งนี้ได้มาจากการฟัง CD
ทางทีมงานายังทำการค้นหาอยู่เรื่อยๆ โดยทางทีมงานคัดเฉพาะที่ชี้ชัด
แบบดิ้นไม่หลุดจริงๆ นำมาเผยแพร่
ส่วนที่ยังมีความคลุมเคลืออยู่ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทางทีมงานได้ตัดออก