กลัวโดนสะกดจิต คุณไสย โดย Realize Now ชงเองตบเอง(มีนาคม ๒๕๕๓)


ตอบ: 20/01/2010 - 18:29

เรียนพี่ๆเพื่อนๆสหธรรมิกทั้งหลายครับ

แรกเริ่มทีเดียวผมไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะมาโพสท์ในกระทู้นี้ แม้ว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงพ่อที่ถูก “ชักชวน” ให้ออกห่างจากหลวงพ่อปราโมทย์ แต่เมื่ออ่านกระทู้นี้ของคุณดังตฤณแล้วมันเหมือนภาพที่เลือนรางของจิ๊กซอว์ ได้ชัดเจนขึ้นเมื่อได้ใส่อะไรบางอย่างของข้อความคุณดังตฤณในกระทู้นี้เข้าไป

ก่อนจะลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง ผมต้องขอออกตัวว่า ผมไม่ได้เป็นผู้รู้ และเรื่องนี้ก็เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวที่อาจเป็นจริง หรือเป็นเพียงอุปาทานทึกทักเอาเองของผม ขอให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณตามหลักกาลามสูตร ว่าอย่าเชื่อง่าย เพียงแต่รับฟังแบบฟังหูไว้หูก็พอ บางทีอาจคลายข้อสงสัยและเห็นภาพอะไรบางอย่างชัดขึ้นบ้างก็ได้ครับ

เริ่มมาจากคืนวันจันทร์ที่ 12 มกราคม 53 เวลาประมาณ 19.00 น. ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่าแก่ทางธรรมคนหนึ่งซึ่งผมเคารพนับถือและชื่นชมในใจมานาน ซึ่งปรกติไม่ค่อยได้โทรหากันบ่อยนัก เขาโทรมาแสดงความชื่นชมความคงเส้นคงวาของผมในการอยู่ในวงการธรรมะมานาน และต่อด้วยการแสดงความรับผิดชอบว่าเขาเคยแนะนำผมให้รู้จักหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยการให้หนังสือ “ทางเอก” และซีดีธรรมะของหลวงพ่อเมื่อประมาณต้นปี 2550 ซึ่งเขาแจ้งว่าส่วนตัวเขาเองเขาเคารพนับถือหลวงพ่อปราโมทย์มาก แต่เมื่อได้รับข้อมูลข่าวสารนี้แล้ว จำเป็นต้องบอกผม ซึ่งเขาได้นัดให้ไปพบกันในเย็นวันพฤหัส ที่ 14 ม.ค. 53 ซึ่งผมต้องปฏิเสธไปอย่างเสียดายที่ผมติดภารกิจสำคัญไม่สามารถไปตามนัดได้ เมื่อผมปฏิเสธนัด เพื่อนของผมก็ได้กล่าวข้อความอีกพอสมควรที่น่าตกใจเกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์ แล้วก็วางหูไปโดยแจ้งว่าแล้วเราค่อยนัดพูดคุยกันอีกทีเมื่อมีโอกาส

หลังจากนั้นผมก็ทบทวนข้อมูลที่ได้ยินกับข้อมูลเดิมๆที่เคยได้รับในเว็บไซด์แห่งหนึ่ง ก็เห็นว่าไม่มีข้อกล่าวหาอะไรใหม่ ล้วนเรื่องเดิมๆที่ไร้มูลความจริง แต่...มันน่าประหลาดที่พอตกตอนค่ำกว่านั้น จิตของผมเริ่มกระสับกระส่าย อกุศลจิตผุดขึ้นเป็นระยะๆ อย่างน่าแปลกใจ ผมก็ตามดูตามรู้ไปเรื่อยๆตามที่เคยฝึกมา แต่ช่วงนั้นผมรู้สึกอ่อนเพลียและรีบเข้าพักผ่อน

วันอังคารทั้งวันคลื่นความเคลือบแคลงสงสัยแทบไม่ได้เข้ามาเลยยกเว้นช่วงตกค่ำ แต่พอถึงวันพุธ เวลาประมาณทุ่มเศษ ผมก็กลับมีอาการเหมือนเดิมคือความคิดแง่ลบ ความเคลือบแคลงสงสัย ได้ถาโถมมาเป็นชุดๆ จนผมรำคาญ เลยเข้าห้องแล้วเริ่มทำการภาวนาตามรูปแบบ โดยการดูลมหายใจ ซึ่งโดยปกติแล้วเป็นรูปแบบที่ผมทำได้ถนัดมาก ความฟุ้งซ่านน่าจะหยุด แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น กระแสความรับรู้แง่ลบกลับถาโถมเข้ามาหนักขึ้นเป็นระลอกๆ จนผมนึกรำคาญ และช่วยคิดสอนจิตอีกครั้งว่า เออ...มันไม่ใช่เรา...มันเกิดขึ้นเพราะมันเป็นอนัตตา แต่แทนที่จะหยุด กระแสอกุศลกลับเกิดถี่ๆจนผมรำคาญ

ช่วงนั้นผมยอมรับว่าเป็นช่วงหนึ่งที่แย่มากๆ จิตเหมือนกำลังจะถูกห่อหุ้มด้วยบางสิ่งที่มืดกว่าปกติ(หมายถึงมืดกว่าความมืดของโมหะแบบหมวกกันน็อคของผมเองที่เคยเห็นอยู่บ่อยๆ ) ผมจึงคิดตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าหลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระสุปฏิปันโนผู้สะอาดหมดจด และสหายทางธรรมท่านหนึ่งของผมซึ่งเป็นผู้มีคุณธรรมสูง ขอให้เทวดาที่มีจิตเมตตาโปรดแจ้งให้สหายทางธรรมท่านนั้นโทรหาผมด้วยเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ เพื่อลดความวิจิกิจฉาของผมด้วยเถิด (ช่วงนั้นผมไม่กล้าโทรไปเอง พอจับๆ โทรศัพท์ ความลังเลสงสัยมากมายที่พาลไปถึงสหายธรรมท่านนี้ก็วิ่งเข้ามาอยู่เรื่อย)

ประมาณครึ่งนาทีสหายทางธรรมท่านนั้นก็โทรเข้ามาเร็วทันใจเหมือนปาฏิหาริย์จริงๆ ผมดีใจมาก พอพูดคุยทักทายสักพักแล้วผมก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้ท่านฟัง ท่านได้เตือนสติถึงเรื่องการภาวนาที่ผมเคยทำมาประมาณ 20 ปีก่อนหน้าพบหลวงพ่อปราโมทย์ ว่าเป็นอย่างไร พอพบท่านแล้วได้ฟังธรรมแล้วการภาวนาเป็นอย่างไร และต่อไปนี้ถ้าไม่มีหลวงพ่อแล้วจะภาวนาอย่างไร ซึ่งผมก็ได้ความกระจ่าง ช่วงนั้นจิตผมเหมือนมีความสว่างไสวขึ้นมาฉับพลัน และความลังเลสงสัยก็หมดไปหลังจากจบบทสนทนา

พอวันศุกร์รับทราบว่าทางบ้านอารีย์มีประกาศฯ ผมก็นึกถึงเรื่องราวว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดกับผมไหม ถ้าผมไปตามนัดเพื่อพูดคุยและ “รับประทานอาหาร” ผมจะเป็นอย่างที่ "พวกเขา" เป็นไหมหนอ?

วันอาทิตย์ผมได้พบกับเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการสวนฯ ที่ถอนตัว แรกทีเดียวผมไม่ทราบว่าเขาถอนตัว แต่เห็นความผิดปกติระหว่างพูดคุยกัน ผมรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป เมื่อหมดบทสนทนา เขาเหมือนจะ “ลอยๆ” แบบคนไม่เคยฝึกสติจน “ตื่น” ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบริเวณขอบตาที่เปลี่ยนไป และทราบภายหลังจากที่สนทนาไประยะหนึ่งว่าเขาขอถอนตัวเพราะช่วยงานวัดไม่ได้มากนักเนื่องจากมีภารกิจมาก

เรื่องราวต่างๆยังคงครุกรุ่นในหัวผม จนกระทั่งได้อ่านบทความคุณดังตฤณ ผมเอาเรื่องราวมาปะติดปะต่อและพอเห็นเค้ารางของการอยู่เบื้องหลังของ “คนบางคนที่เรารู้กันดีว่าเขาคือใคร” ซึ่งเราจะประมาทเขาไม่ได้เลยทีเดียว เมื่อคิดทบทวนไปในช่วงคืนที่สับสนผมสังเกตเห็นว่า “กระแสความคิด” ที่บุกเข้ามายามค่ำคืนของวันพุธ มันแปลกประหลาด ไม่เหมือนปรกติธรรมดาอยู่อย่างหนึ่งคือ เมื่อผมทำอานาปานสติ ปกติผมจะสังเกตเห็นว่าเมื่อจิตจะคิดผมมักสังเกตเห็น “ความไหวตัว” ของจิตก่อนเกิดกระแสความคิดผุดขึ้นมา แต่คืนวันนั้น “กระแสความคิดลังเลสงสัย” มันมาโดยไม่ได้เกิด “ความไหวตัว” แม้แต่เล็กน้อย คือผมเห็นจิตที่นิ่ง แล้วมีกระแสคุกคามจากภายนอกเป็น “คลื่นความคิด” ที่ไม่ได้ปรุงขึ้นเอง แต่น่าจะเป็นการส่งเข้ามาจากภายนอก

จนในที่สุดผมได้คุยกับคุณดังตฤณเมื่อคืนวานนี้ ผมจึงได้เล่าความแปลกประหลาดให้ฟัง ซึ่งคุณดังตฤณขอร้องให้ผมเล่าประสบการณ์ประหลาดให้คนอื่นๆฟังบ้างเผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับความเข้าใจเรื่องราวให้มากขึ้น และเผื่อว่าบางคนที่มีประสบการณ์แบบเดียวกับผมจะได้รับรู้ไว้บ้าง

ผมขอทิ้งท้ายว่าอย่าเพิ่งเชื่อเรื่องนี้ แต่อย่าเพิ่งปฏิเสธ ความแปลกประหลาดลี้ลับในโลกอาจมีอยู่ หรืออาจเป็นเพียงความวิตกกังวลจนเป็นอุปาทานจินตนาการของผมเองก็ได้ ขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณตามหลักความเป็นชาวพุทธที่ดีนะครับ 
การโพสต์นี้ได้ถูกแก้ไขโดย กอบ: 20/01/2010 - 21:20
เหตุผลในการแก้ไข:: แก้ไขข้อความเล็กน้อยครับ