เมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์นี้ก็ไปกราบอาจารย์อนันต์ที่ "วัดมาบจันทร์"นะ สายหลวงพ่อชา อาจารย์อนันต์ท่านยังเล่าว่า หลวงพ่อชาเคยสั่งนะ เคยบอกท่านไว้ว่า ต่อไปสอนกรรมฐานให้คนในเมือง สอนดูจิตนะ สอนให้ดูจิตไป หัดดูจิตด้วยความเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย เนี่ยะหลักปฏิบัติที่เหมาะสำหรับคนในเมือง
พระอาจารย์อนันต์วัดมาบจันทร์ 31-10-50 T15
"โหลดได้ที่นี่" |
….แต่ความจริงมันไม่ได้แยกอย่างนั้น การปฏิบัติมันไม่ได้แยก อันเดียวกันหน่ะ มันเป็นวิธีเดียวในศีลสมาธิปัญญานะ แต่พวกที่ฝึกดูจิตก็นึกว่าดูไปแล้วจะสำเร็จไปเลย มันก็เป็นปัญญาอบรมจิตให้เกิดสมาธิ แต่ถ้าสมาธิไม่มีมันยังไปไม่ได้ นะ มันไม่ครบองค์อริยะมรรค ในอริยะมรรคมีองค์แปดก็มี สติ สมาธิ แหนะ อย่างเนี่ยะ ถ้ามีสติ ดิ่งอย่างเดียว สมาธิไม่พอ ความตั้งมั่นไม่พอก็ไม่เห็น มีสมาธิดิ่งไปอย่างเดียวนะ ในความสงบไม่ได้เห็นความเกิดดับหรืออนิจจังทุกขังอนัตตา ก็ไม่มีปัญญา แต่ก็ต้องอาศัยพอดีกัน ทั้งมีสมาธิที่พอเพียง ทั้งพิจารณามีอารมณ์ไตรลักษณ์ พิจารณา หรือการมีสติ เห็นกายสักแต่ว่ากาย เวทนา จิต ธรรม ตรงนี้ก็จะพอดีกันก็เห็น (กำลังจะถาม ตอบตรงนี้พอดี) แต่บางทีบางแนวก็ดูจิต อย่างเดียวก็จะให้เห็นเลย ก็พยายามดูความเกิดดับให้ชัดเจนไป มันจะไม่ชัด มันไม่ชัดที่จะเห็นได้ ต้องมีกำลัง ต้องมีกำลังสมาธิขึ้นไป ต้องเกื้อกูลกัน อิงจากในสัมมาทิฐิ สัมมาสังคะโปนี้ ฝ่ายปัญญาสัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว นะ สัมมาวาจา เป็นศีล สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ อันนี้เป็นเรื่องของสมาธิ รวมกัน นะ สติ สมาธิ วิริยะนี้อยู่พวกเดียวกัน ในกลุ่มเดียวกัน เป็นศีล สมาธิ แล้วก็ ปัญญา นั้นรวมเป็นทางไป ไปสู่จุดหมาย มีสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จากนั้นก็เกิดปัญญา
ตอนอยู่กับหลวงปู่ชาตอนสำคัญหน่ะ อาตมาก็ดูจิต สงบ นะ อารมณ์ข้างนอกไม่เข้า ไม่มีความ จิตไม่เคลื่อน ก็ดู ถ้าเราจะมาพิจารณากายมันไม่ไป มันจะวิ่งเข้ามาสงบ ดูจิตไป หลวงปู่ก็บอกต้องมาพิจารณากายนะ ก็ เราก็เถียงในใจเหมือนกันว่า เอ้ทำไมต้องพิจารณา มันเหมือนกับความรู้สึกของเราว่า เราละเอียดไปแล้ว ผ่านเรื่องของกายไปแล้วนะ เรื่องของกายเป็นเรื่องของการหยาบไป กายดูจิตนี่เรื่องของละเอียด คนเราก็จะชอบสิ่งที่เรียกว่าละเอียด ก็เลยจับในเรื่องของจิต และตรงเนี่ยก็จะ จะข้ามขั้นตอนไปได้
แต่ถ้าในสมัยพุทธกาลที่ว่าดูจิต บรรลุเร็วก็เพราะว่ากำลังถึงแล้่ว กำลังของสมาธิถึงแล้ว ดูจิตแล้วสำเร็จก็มี ดูพวกเซนเห็นไหม ดูจิตสำเร็จก็มีแสดงว่าเค้าผ่านในเรื่องของกาย ในเรื่องของเวทนามาแล้วนะ ก็จะเหลือน้อยแล้ว ว่าอย่างนั้นนะ กิเลสเหลือน้อยแล้วขั้นที่จะดูจิตก็สำเร็จละ แต่เขาไม่อธิบายขั้นเริ่มต้นหรอกว่าเขาทำมายังไง เขาใจไหม เขาไปพูดตอนท้ายเฉยๆ เออ ตอนบรรลุเฉยๆ ตอนบรรลุว่าเมื่อพิจารณาอย่างนี้ก็บรรลุ คนก็คิดว่าเอ๊ะ เราก็จะดูแล้วจะบรรลุอย่างนี้บ้าง หลวงปู่ชาบอกว่า เรื่องของเซนเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ท่านพูดอย่างนี้
นะอาตมาก็อ่านศึกษาหมด ศิษย์โง่ไปเรียนเซน (หนังสือ) อะไรๆก็อ่านมาหมดละ ก็ มาปฏิบัติแรกๆก็ เอ้ บรรลุไปเลยปฏิบัติ อ๋อ มันต้องเป็นขั้นตอนอย่างนี้ ถึงจะเข้าใจ คือผู้ที่น้ำจะเต็มแก้วแล้วนะ เหลืออักซักหยดนึงเต็มแก้ว นั้นแหละ เซนแบบนั้น ถึงจะพิจารณามันเหลืออยู่จุดเดียว เติมน้ำอีกหยดนึงก็เต็มแล้ว ก็สำเร็จไง สมมุติว่าน้ำเรายังไม่มีในแก้ว นะ มันต้องหลายๆหยด จะไปเอาแบบเซนเลย ไม่บรรลุหรอก ต้องเริ่มก่อน ต้องเริ่มก่อน มีทานก่อน ถึงตั้งมั่น มีสติ มีสมาธิ มีศีลอะไรพร้อม
บางคนยุคนี้ก็จะเอาเร็วๆไง ต้องการปฏิบัติเร็วๆอย่างเนี๊ยะ ต้องการ คิดว่าไปดูจิตแล้วมันจะเร็วเลยมันก็เป็นยุคสมัยที่อะไรๆก็เร็ว แต่เราว่าไหม กว่าเราจะเติบโตมาจนป่านนี้ใช้เวลากี่ปีอะไรแบบเนี่ยนะ เราก็คิดไป เฉพาะร่างกาย กว่าร่างกายจะแข็งแรงทำงานได้พึ่งตัวเองได้ก็ ๒๐ กว่าปีแล้ว เนี๊ยะ ใช่ไหม แล้วเราภาวนากันทีปีนึงก็จะเอาให้มันรวดเร็วเลย มันจะเป็นไปได้ยังไง ทางจิตมันยิ่งยากกว่านะ อืม แต่ว่ามันก็ไม่ได้เกินวิสัย ถ้าบารมีเราทำมาเยอะ มันก็เร็วได้ มันก็อยู่ที่วาสนาบารมีด้วย ถ้ายังน้อยอยู่ต้องทำมากขึ้น มันก็เลยเป็นอะไรที่มันแย้งกันอยู่เหมือนกันนะ ในยุคสมัยปัจจุบัน การดูจิตก็มักจะได้รับความนิยม ว่ามันเป็นหนทางที่ลัดเร็วก็ได้ แต่ความจริงมันก็เป็นวิธีเดียวกัน ถ้าดูแล้วมันไม่สงบนะ ก็ต้องกลับมาทำสมาธิให้มีความตั้งมั่นของจิตถึงจะดูได้ชัด นะ ถ้าดูแล้วมันก็เห็นจิตเห็นอารมณ์เรื่อยๆ ไม่หยุด แสดงว่ากำลังสติไม่พอ แล้วเกิดความรู้สึกยินร้ายเกิดขึ้น หรือยินดีเกิดขึ้น ถ้าเราดูจิตเราก็จะรู้ว่า จิตของเรายินดีอยู่ หรือ ยินร้าย ถ้าเรามีความรู้ กำลังมากความยินดีจะหยุดลง ความยินร้ายจะหยุดลง เพราะเรารู้แล้วว่ามันไม่เที่ยง แต่ถ้าเราก็ดูอยู่แต่ว่ามันยังปรุงแต่งไปเรื่อยๆ วิ่งไปอย่างนี้ นะก็แสดงว่าสติกำลังไม่พอ เหมือนสมมุติรถวิ่งมา ร้อยนึง มันเบรคมันไม่มีมันก็วิ่งไปเรื่อยๆ เหยียบลง... ไม่ลงล่ะไม่หยุดนะ ถ้ามีกำลังมากๆ มันก็หยุดเอง แสดงว่าสภาพเบรคเราใช้ได้ นะ ถ้าเราเบรคแล้วมันใช้ไม่ได้กำลังมันอ่อน รถมันก็ไม่หยุด มันก็วิ่งไปเรื่อยๆ แสดงว่าสติไม่ดี ไม่พอ ต้องมาฝึกให้มีกำลัง ให้มีสมาธิที่ตั้งมั่นจะช่วยกัน
บางทีลูกศิษย์สายวัดป่าเขาปฏิบัติ นั่งดูลมหายใจ มีสติพิจารณาลม จิตพิจารณากาย ก็เอ้ มันก็ไม่ได้ผลเลย ดูจิตแล้วรู้สึกว่ามันมีอะไรดีขึ้น ก็ดูไปก่อนก็ได้ ไม่ผิดแต่ให้รู้ว่าหนทางมันเป็นยังไง ต้นเป็นยังไง กลางเป็นยังไง ปลายเป็นยังไง ยังไงก็ไม่ผิดหรอก แต่ส่วนมากเขาจะดิ่งลึกไปว่า ถ้าเขาดูจิตแล้วเขาจะไปทางเดียวเลยนะ ก็ไม่ถูก ความจริงมันไปทางเดียวกัน มันไม่ได้แยก แต่ถ้าดูแล้วจิตเกิดสงบ เกิดความเย็น ก็หลงไปว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ แหนะ มันจะติดตรงนี้ มันจะติดอยู่ในความสงบได้ นะ ปัญญาไม่เกิดหรอก